Sunday, August 26, 2007

นิราศจุฬาฯ

เสียงมือถือบอกเวลาว่าต้องตื่น
เราก็ฟื้นจากนิทรามากดทิ้ง
แปดนาฬิกาสายแล้วนะอันที่จริง
ขอประวิงเวลานอนก่อนแล้วกัน
แปดโมงครึ่งยังนอนอยู่ไม่รู้สึก
จลึกลึกก็อยากเป็นเด็กขยัน
แต่ขอผลัดเอาไว้อีกวันแล้วกัน
พรุ่งนี้ฉันจะตื่นให้ตรงเวลา
เวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยง
คงจะเลี่ยงนอนต่อไม่ได้แล้วหนา
คาบตอนเช้าก็โดดเรียนไปอีกครา
เพื่อนเพื่อนจ๋าช่วยเก็บชีทไว้ให้ที
ลุกขึ้นมาอาบน้ำฟอกสบู่
ขัดและถูให้ทั่วร่างอย่างสุขี
ชำระล้างให้สะอาดทั่วอินทรีย์
สายนทีไหลผ่ายกายสบายใจ
ชุดนิสิตสวมใส่ให้เรียบร้อย
แล้วค่อยค่อยใช้โทนเน่อให้หน้าใส
คอนแทคเลนส์รีบใส่อย่างว่องไว
เสร็จแล้วไซร้เร่งทำสิ่งที่สำคัญ
อันระกาเค้าว่างามเพราะขน
ปุถุชนอย่างเราต้องขมีขมัน
ไม่มีขนอันงดงามอย่างไก่มัน
ต้องแต่งกันให้เลิศเลอกว่าใครใคร
สิ่งสำคัญลิมไม่ได้คือเกศา
รู้ไหมว่าผมสำคัญกว่าที่ไหน
ดูอย่างเช่นกอล์ฟไมค์นั่นยังไง
ถ้ามันไม่มีผมคงเป็นลาว
ไดร์เป่าผมพร้อมที่หนีบร้อนได้ที่
รีบเร็วรี่แต่งทรงผมให้ดูสาว (??)
เสร็จเรียบร้อยเอาแว๊กซ์ใส่ ณ บัดนาว
แล้วร้อง ว้าว! หล่อจริงจริงนะพ่อคุณ (-*-)
ออกจากบ้านอย่าลืมขอตังค์แม่
ไม่งั้นแย่ต้องไปเป็นผีขนุน
ขายตัวให้พวกคนรวยลูกนายทุน
ยังต้องลุ้นติดโรคเพศเป็นเอดส์ตาย
โอ้ย อากาศทำไมมันช่างร้อนรุ่ม
ดังไฟสุมไว้ในทรวงไม่รู้หาย
นั่งรถเมล์ไปก็คงไม่สบาย
เอาง่ายง่ายโบกแท๊กซี่เลยแล้วกัน
ขึ้นเบาะหลังบอกคนขับไปจุฬาฯ
ไปคันหน้านะน้องเค้าบอกฉัน
พี่กลัวไปส่งรถคืนไม่ทัน
รีบเร็วพลันโบกคันใหม่สีชมพู
ผ่านเมเจอร์ปิ่นเกล้าคนพลุกพล่าน
ไม่มานานเปลี่ยนไปดูช่างหรู
แล้วก็นึกไปถึงหน้าโฉมตรู
เคยมาดูภาพยนตร์กับทรามวัย
วิ่งตรงมาถึงพาต้ามีสวนสัตว์
เห็นแจ่มชัดรอยยิ้มเธอที่สดใส
รอยยิ้มนั้นยังจารึกอยู่ในใจ
เพราะเหตุใดยิ้มเหมือนลิงชิมแปนซี
ข้ามสะพานพระปิ่นเจอสนามหลวง
เจ็บในทรวงยังฝังใจไม่รู้หนี
เราสองคนเคยมาเดินเพลินทุกที
ดินจู๋จี๋แล้วชักว่าวกันสองคน (อย่าคิดลึก)
ภูเขาทองตั้งตระหง่านเมื่อได้พบ
สองมือนพกราบไหว้ซักหนึ่งหน
ขอให้ลูกได้คนรักอีกซักคน
ใครไม่สนขอแค่หล่อก็พอใจ
รถแท๊กซี่วิ่งไปตามถนน
ชีวิตคนกับถนนต่างกันไหม
คนเราต้องเดินทางอย่างยาวไกล
ชีวิตไซร้คือถนนให้เดินทาง
รถเลี้ยวขวาผ่านโรงเรียนเทพศิรินทร์
นี่คือถิ่นเก่าอีหมวยสาวมีหาง(หางหน้า)
พลางคิดถึงโรงเรียนเก่าเราไปพลาง
ไว้ว่างว่างจะกลับไปเยี่ยมเยียน
สถานีต่อไปหัวลำโพง
ถนนโล่งโชเฟอร์ขับฉวัดเฉวียน
จนฉันเริ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน
จะไปเรียนรู้เรื่องไหมเนี่ยเรา
คนขับเลี่ยงถนนใหญ่เข้าทางลัด
ผ่านทางวัดดวงแขฉันยิ่งเหงา
หาทางลัดพิชิตใจคนรักเรา
ทำยังไงเขาจะหันมองสักที
ถึงสวนหลวงร้านอาหารอยู่ดาษเดื่อน
ยังแชเชือนคิดถึงหน้านวลฉวี
ทำยังไงก็ไม่ลืมเธอสักที
สตอรี่ของสองเรายังตรึงใจ
เข้าประตูทางด้านหลังฝั่งสามย่าน
ขับรถผ่านหอกลางไปประตูใหญ่
ไฟเขียวปุ๊บรีบเร่งเหยียบทันใด
ถึงแล้วไซร้ "อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์" ..
เกร็ดความรู้
นิราศ หมายถึง งานประพันธ์ประเภทหนึ่ง มีเนื้อหาในเชิงพรรณนาถึงการเดินทางเป็นหลัก มักจะเล่าถึงเส้นทาง การเดินทาง และบอกเล่าถึงสิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินทาง ขณะเดียวกัน มักจะสอดแทรกความคิด ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางนั้น โดยมักจะเชื่อมโยงสิ่งที่พบเห็นกับความรู้สึกภายใน ผู้แต่งนิราศ มักจะใช้คำประพันธ์แบบร้อยกรองเป็นหลัก แต่นิราศที่แต่งด้วยร้อยแก้วก็มีอยู่บ้างเช่นกัน อนึ่ง คำว่า นิราศ มีความหมายตามตัวอักษรว่า จาก พราก ไปจาก ฯลฯ แต่นิราศอาจหมายถึงงานประพันธ์ที่พรรณนาถึงเหตุการณ์ตามลำดับ พร้อมทั้งแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์นั้นๆ โดยมิได้มีการเดินทาง หรือการพลัดพรากก็ได้
วรรณกรรมประเภทนิราศมักจะมีความยาวไม่มาก พรรณนาถึงสิ่งสวยงาม และความรู้สึกผูกพันที่มีต่อบุคคลที่ตนรัก และเนื่องจากกวีส่วนใหญ่เป็นชาย เนื้อหาในนิราศจึงมักจะพรรณนาถึงหญิงที่ตนรัก กระทั่งกลายเป็นขนบของการแต่งนิราศมาจวบจนปัจจุบัน ที่ผู้แต่งนิราศ มักจะผูกเรื่องราวของการคร่ำครวญถึงหญิงที่รัก ขณะที่เล่าถึงสิ่งที่ได้พบเห็นระหว่างการเดินทางด้วย

17 comments:

Anonymous said...

ก็พยายามเนอะ แต่ชอบมาก
ขอชื่นชม สมเป็นอักษรศาสตร์

ชอบท่อนนี้
----------
รีบเร็วรี่แต่งทรงผมให้ดูสาว (??)
เสร็จเรียบร้อยเอาแว๊กซ์ใส่ ณ บัดนาว
แล้วร้อง ว้าว! หล่อจริงจริงนะพ่อคุณ (-*-)

Anonymous said...

เริ่ดค่า

ชอบว่ะ คิดได้ไง

มึงเก่งนะ
.
.
.
.

ไม่รู้จะเขียนไร เพราะกำลังทึ่งกับความสามารถ

Anonymous said...

เป็นผลงานกวีอันทรงคุณค่า

ควรคู่กับรางวัลซีไรท์อย่างแรง

E'Hoy said...

ว่างเนอะมึง

Anonymous said...

อยากรู้จังว่า ถ้าให้หัวข้ออื่นจะแต่งได้สมูธแบบนี้มั้ย

แบบแต่งเจ๋งมาก กร๊ดกร๊าดดดดดด
การเรียนที่อักษรให้อะไรมากมายจิงๆ

แต่ยังไม่ประทับใจส้มเท่ากับการประยุกต์เอาวิชาเบสิคทราน มาแปลเพลงหรอกนะ


แปลได้เหนภาพ ไม่ต้องถ่ายทำมิวสิควีดีโอกานเรยบทีเดียว






ปล.
สยิวอยุ่น้า ท่อนที่ว่า......
"ทำยังไงก็ไม่ลืมเธอสักที
สตอรี่ของสองเรายังตรึงใจ"
รึส้มคิดลึกไปเอง เหอๆ

Anonymous said...

เอ่อะ ... เป็นเรื่องราวเลยทีเดียว

สตอรี่ของเราสอง แหม่..ใครอะ อยากรู้ ฮ่าๆ

ไม่ผ่านดุสิตมั่งหรอคะ?

งั้นขอฝากอย่าง ฮ่าๆ

ผ่านดุสิตก็ชวนหวนคิด
ตูเป็นจิตอ่อนๆหรือไม่
เพราะไม่รู้ว่าผ่านทีไร
คิดในใจคิด(ถึง)เรื่องวันวาน...โฮ T^T

คิดเถิงง ซูจู .... นอกเรื่องซะงั้น !!!

ทงเฮอ่า... พี่ตั้มอ่า...

Anonymous said...

นับถือๆ

Anonymous said...

กูอ่านแล้วรู้สึกขัดอกขัดใจอยู่
หล่อ..ทรามวัย..ฯลฯ... -*-

แต่อีเรื่องตื่นสายนี่นึกออกเลย ดีนะที่ไม่มีสอบอีเล็ม 555

ป.ล. ชักว่าว...กูคิดไปแล้ว

Anonymous said...

เริ่ดจิงแก

เปลี่ยนเอกเร็ว

555+

Anonymous said...

กุทึ่งจริงๆ อิตั้ม
555+

Anonymous said...

ดูอย่างเช่นกอล์ฟไมค์นั่นยังไง
ถ้ามันไม่มีผมคงเป็นลาว



กร๊ากกกก เห็นด้วยได้อีก XD

Anonymous said...

แก่นของกลอนนี้ แสดงให้เหนว่า คนแต่งแมร่งว่างจิงๆๆๆ5555 ล้อลเ่นนะเก่งดี แต่งได้

Anonymous said...

โอ้โห พี่ตั้มแต่งสุดยอด
สุนทรภู่ 2 555555+
ไอเดียเจ๋งมากค่ะ อิอิ

^^

Anonymous said...

มึงนี่ก็เก่งเนอะ

เปลี่ยนเอกดิ ท่าทางจะรุ่ง...

Anonymous said...

ชอบบบบบมากกกก คิดได้งายยยย

ไทยลิทน่าจะเอานิราศพี่ตั้มไปให้เรียนเนอะ คงอ่านสนุกกว่านี้แน่ 555+

สิ่งสำคัญลิมไม่ได้คือเกศา
รู้ไหมว่าผมสำคัญกว่าที่ไหน
ดูอย่างเช่นกอล์ฟไมค์นั่นยังไง
ถ้ามันไม่มีผมคงเป็นลาว
.... เห็นด้วย 555 เคยเอามือบังผมรูปกอล์ฟไมค์ไว้ หน้าตาธรรมด๊าธรรมดา

ออกจากบ้านอย่าลืมขอตังค์แม่
ไม่งั้นแย่ต้องไปเป็นผีขนุน
ขายตัวให้พวกคนรวยลูกนายทุน
ยังต้องลุ้นติดโรคเพศเป็นเอดส์ตาย
.... คุ้นๆ คล้ายๆ อินโทรลิท 55

Anonymous said...

เริ่ดมากกก

(รู้สึกคล้ายชีวิตตัวเองไงไม่รุ)

Anonymous said...

ความพยายามสูงสุดๆอ่ะ เจ๊ตั้ม

เริ่ดจิงๆ ไม่เสียที ที่เกิดมาเป็น เด็กอักษรฯ

....
...
..
.
อจ.สุจิตรรุ คงปลื้มใจว่า เด็กเรามีฟามสามารถขนาดนี้