Monday, March 31, 2008

Por la eternidad

Solamente tu me a hecho sentir asi
เธอเท่านั้นที่จะทำให้ฉันเสียวสั่นสะท้านทรวงได้ถึงเพียงนี้
y no lo puedo negar... te quiero cerca muy cerca de mi...
แล้วฉันก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าฉันอยากให้เธอใส่เข้ามาให้ลึก ลึกเข้าไปอีกมากๆ


No puedo esperar a un extasis de amor te llevare
ฉันรอจะถึงจุดสุดยอดไม่ไหวแล้ว .. อ๊างงง ~
Quiero acariciar con besos abrazos queriendote
ฉันใคร่อยากเร้าอารมณ์เธอด้วยอ้อมกอดและจุมพิตอันเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้เธอ
Y nunca terminar un beso eterno de amor
และฉันจะไม่มีวันถอนจูบแห่งรักนิรันดร์นั้นออกมาจากปากเธอ


No puedo esperar
ฉันไม่ไหวแล้ว อ๊างง ~
Y de mi siempre escucharas
แล้วเธอก็จะได้ยินเสียงฉันครางตลอดสังเวียนแห่งรักที่เราทำ ... อ๊างง อ๊างง ~


Tu eres mio...
เธอเป็นผัวฉัน
no hay nadie igual que tu mi carino
ไม่มีใครเด้าเก่งเท่าเธอแล้ว ผัวจ๋า
tu mi fuego y mi luz quiero amarte ....
เธอเปรียบเป็นไฟราคะที่ส่องสว่างกลางใจฉัน ฉันเลยต้องรักเธอ
noche y dia sin final para siempre solo mio por la eternidad
ทุกวันทุกคืนไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็น เธอจะต้องเป็นผัวของฉันเพียงคนเดียวเท่านั้น



Y ahora que estas aqui no te dejare partir
ตอนนี้ เมื่อของเธออยุ่ในร่างฉัน ฉันจะหนีบไว้ไม่ให้เธอถอนมันออกไป
te queiro tocar o besarte letamente asi
ฉันอยากจะลูบคลำและจูบเธอช้าๆแบบนี้
te voy a enseñar todo mio seras amor
ฉันจะแก้ผ้าให้เธอได้เห็นของดีของฉันทุกอย่าง มาเป็นของฉันซะเถอะนะ ผัวจ๋า
esa la verdad a tu lado quiero estar hasta morir
จะบอกความจริงให้ว่า ฉันอยากให้เธอเอาฉันไปจนตายคาอก


Tu eres quien mi fuego ensiende
เธอเป็นผู้จุดไฟราคะในใจฉัน
Tu eres quien me da valor
เธอเป็นคนที่ฉันให้ความสำคัญ
Tu eres en el quien dependo cuando me allo con dolor
เมื่อฉันเงี่ยนจนปวดจิ๋ม เธอคนเดียวที่ฉันจะพึ่งพา
Tu eres quien mantego cerca
เธอเป็นคนที่ฉันจะคอยอยู่ด้วยใกล้
Tu eres por quien sueño
เธอเป็นคนที่อยู่ในฝัน(เปียก)
Y solo quiero que sepas que deveras te amo amor
และสิ่งเดียวที่ฉันอยากให้เธอรู้ไว้คือ ฉันต้องรักเธอนะ ผัวจ๋า
No puedo esperar de ti escuchar Esa bella verdad que soy tuya por la eternidad
ฉันรอให้เธอฟังความจริงอังดงามนี้ไม่ไหวแล้วนะ ความจริงที่ว่า ฉันจะเป็นเมียเธอไปตราบนิจนิรันดร์

Wednesday, March 19, 2008

รักฉันเรียกว่าเธอ



รักฉันเรียกว่าเธอ / Kamikaze members








โฟร์มด : ใครกันที่ทำให้ฉันรัก ใครกันที่มาอยู่ในความฝัน


มด : คนที่ฉันคิดถึงอยู่ทุกวัน


โพร์ : ก็ใครคนนั้น ฉันเรียกว่าเธอ


โฟร์มด : ความรักหน้าตาประมาณไหน ความรักจะใจดีแบบเธอไหม


มด : เก็บซ่อนความรักไม่ใกล้ไม่ไกล


เบสท์ : หน้าอกข้างซ้าย ตรงใจของเธอ


ขนมจีน : มีกล่อง หนึ่งใบ ใส่ความลับ กับกุญแจมาให้เธอ


ขนมจีน&มิล่า : กะเอาไว้ เก็บเอาไว้ กะเซอร์ไพรซ์ ให้เธอไขเอาเอง


พิม : อะ..บอกไม่ได้หรอกความลับอิ้งค์ : ว่ามีความรักอยู่ข้างใน


จินนี่ &พิม : ถ้าเธอนั้น อยากจะเห็น อยากจะรู้ เธอต้องไขด้วยใจ








อ้าว ถ้าจะให้กูไขด้วยใจแล้วอีขนมจีนจะให้กุญแจกูมาทำเชรี่ยไรฟระ


แสดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

Saturday, March 8, 2008

ครั้งแรกก็งี้แหละน้อง


สวัสดีครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าประสปการณ์ครั้งแรกของผม
แม้มันจะไม่เสียวซ่านผาดโผนโจนทะยานเหมือนมีเซกซ์หมู่กันในสวนลุม
แต่ขึ้นชื่อว่าครั้งแรกก็ย่อมติดตาตรึงใจไปตราบนานแสนนานอยู่ดี
ก่อนที่จิตใจของทุกคนจะดำดิ่งลงไปสู่ความมืดดำมากไปกว่านี้
ผมขอฉุดพวกคุณกลับมาสู่โลกของศีลธรรมก่อนดีกว่า
เพราะเรื่องที่ผมจะเล่าไม่ใช่แบบที่พวกคุณคิดกัน(รู้นะคิดอะไรอยู่)
แต่เป็นประสปการณ์การฝึกงานครั้งแรกต่างหาก

วันพุธ พฤหัส ศุกร์ ที่ผ่านมา
เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปฝึกงานในฐานะเด็กตามทัวร์
หรือที่พี่ไกด์เรียกให้สวยๆว่า ayudante หรือผู้ช่วยไกด์
หน้าที่ของผมก็ไม่มีอะไรมาก
แค่คอยสังเกตุการณ์การทำงานของพี่ไกด์ และพูดคุยกับแขกบ้าง
ให้ได้ฝึกฝนทักษะภาษาสเปนพอเป็นกระสัย
วันแรกของการฝึก
พี่เบญ พี่ไกด์ของผม นัดเจอผมที่โรงแรมแชงกรีล่าเวลา 6.30 น.
เวลาแบบนี้ตามปกติตอนปิดเทอมผมเพิ่งเข้านอนด้วยซ้ำ -*-
เมื่อไปถึงก็ขึ้นรถตู้ประจำของกรุ๊ปเรา คนขับรถประจำเป็นพี่ผู้ชายแต่ชื่อพี่ขวัญ(สยองยังไงก็ไม่รู้)
เพื่อมุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปรับลูกทัวร์คู่แรก
เมื่อไปถึง ผมก็ต้องไปยืนชูป้ายบริษัททัวร์ iberojet
บริษัทขายทัวร์ที่ลูกทัวร์ซื้อมาตั้งแต่ที่สเปนแล้ว
ไม่นานทั้งคุ่ก็เดินออกมา
เป็นหญิงชายวัยสูงอายุ ชื่อ Anna และ José
จากนั้นก็พาเค้าทั้งสองกลับมายังโรงแรมแชงกรีล่า
และพาทั้งคู่ไปนวดเพื่อผ่อนคลายอารมณ์หลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆ
ระหว่างที่รอเวลาเพื่อไปรับลูกทัวร์อีกคู่นั้น
พี่เบญเกิดมีธุระทางบ้าน ผมจึงจำต้องไปบ้านพี่เขาด้วย
เมื่อได้เวลาก็มุ่งหน้าตรงดิ่งไปยังสนามบินอีกรอบ
คราวนี้เป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคนชื่อ Monsé กับ Mohamed
ตามกำหนดการณ์เราต้องพาทั้งคุ่ไปพักผ่อนที่โรงแรม ตะวันนา รามาด้า ก่อน
แต่เนื่องจากเครื่องดีเลย์จึงไม่มีเวลา
ทั้งคุ่เลยต้องตรงดิ่งไปที่แชงกรีล่าเพื่อไปรับอานนา กับโฆเซ่ ไปลงเรือหางยาว
เพื่อชมบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยา แวะชมพระปรางค์ที่วัดอรุณ
และไปขึ้นเรือทรงไทยที่มีบุฟเฟ่ต์ผลไม้และเครื่องดื่มบริการ
เสร็จแล้วก็นำแขกไปพักผ่อนที่โรงแรมของแต่ละคุ่
และรอเวลาเพื่อไปดินเนอร์seafood ที่ร้านซัวเถาแถวคลองสาน
จากที่นั่นผมขอพี่เค้ากลับก่อน เพราะง่วงมาก
พี่จึงนัดให้มาเจอกันเช้าวันรุ่งขึ้นเวลา 9.30 ที่วัดพระแก้ว
โปรแกรมของวันที่สองก็คือเที่ยวชมวัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวัง
และแวะที่ Royal Lapidary เป็นที่ขายเพชรนิลจินดาและของไทยๆ
จากนั้นก็ไปบุฟเฟ่ต์บนชั้น 76 ของตึกใบหยก 2
หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นไปชมวิว ดูตึกรามบ้านช่องของเมืองกรุง
ที่บริเวณชั้น 84 ที่ออกแบบเป็นวงกลมพื้นสามารถหมุนไปเรื่อยๆได้ ให้เราได้ชมวิวทั้ง 360 องศา
โดยไม่ต้องขยับตัวให้เหนื่อย

เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้
ต้องรอเวลาอีกกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อไปลงเรือดินเนอร์ในแม่น้ำเจ้าพระยา
ผมจึงขอตัวไปสยามกับเพื่อนตุ่น เพื่อไปพบเพื่อนจ๋าอีกคน
ตอนหัวค่ำ
พี่เบญเหวี่ยงผม ให้ลงเรือไปคนเดียวกับแขกทั้ง 4 แล้วชีก็หายไปไหนเลยก็ไม่รู้
ผมจึงต้องขุดเอาความรู้ภาษาสเปนที่มีอยู่เล็กน้อยขึ้นมาพูดกับแขกทั้งหมด
บนเรือประกอบด้วยชาวต่างชาติหลากชนชาติ แต่ที่เยอะสุดเห็นจะเป็นอินเดีย
นักร้องก็จะร้องเพลงได้หลายภาษา แต่เมื่อเพลง อารีรังขึ้นเท่านั้นเอง
ชาวเกาหลีกลุ่มหนึ่งก็ลุกขึ้นมารำกันอย่างสนุกสนาน

ขึ้นจากเรือตอนเวลาเกือบ 4 ทุ่ม
Monsé กับ Mohamed ต้องไปลองเสื้อที่สั่งตัดไว้ตอนเย็นหน้าแชงกรีล่า
หลังจากลองกันอยู่เกือบ 40 นาที
แขกทั้งหมดบอกผมใหไปบอกคนขับว่า พาไปส่งพัฒน์พงศ์ที
เพราะมีคนบอกพวกเขามาว่าที่นั่นมีผู้หญิงใช้จิ๋มเป่าลูกดอกได้แรงมาก
พวกเขาอยากไปดูว่าแรงแค่ไหน .. Amazing Thailand จริงๆ
วันสุดท้าย
เป็นโปรแกรมออกต่างจังหวัด
เริ่มจากไปที่ตลาดน้ำดำเนิน ที่ราชบุรี
แต่ไม่ได้เข้าไปยังตลาดแบบธรรมดา
เพราะต้องนั่งเรือเร็วล่องไปตามคูคลองพานักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศริมคลองกันอีกครั้ง

เมื่อไปถึงตลาด
ก็ไปลงเรือพายชมตลาดอีก (พี่เบญเหวี่ยงผมลงเรือพายคนเดียวอีกแล้ว)
ที่ต่อมาคือ โรงงานแกะสลักไม้สัก
จากนั้นก็ไปแวะที่องค์พระปฐมเจดีย์
อันนี้เรียกแวะของจริง
เพราะลงไปไม่ถึง 10 นาทีเท่านั้น
เสร็จแล้วก็ไปที่สวนสามพราน เพื่อกินบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันที่นั่น

เมื่ออิ่มหนำกันแล้ว
พี่เบญก็เหวี่ยงผมอีกครั้งให้เข้าไปดูโชว์วัฒนธรรมไทยและโชว์ช้าง
จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ และอำลาแขกทั้งหมด
เพราะวันรุ่งขึ้นทั้งหมดจะเดินทางไปต่อที่เชียงใหม่
แม้ทั้งสามวันจะทำให้ผมเหนื่อยจนโทรมไปหมด
แต่ก็เป็นประสปการร์ที่เจ๋งมาก
นอกจากจะได้เที่ยวฟรีกินฟรีแล้ว
ยังได้ค่าขนมจากแขกมาจำนวนไม่น้อยอีกด้วย
แต่นี่ยังไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
ครั้งต่อไปจะมีอีกทีเมื่อไหร่ โปรดติดตามตอนต่อไปเอาละกัน
แต่จากการมาฝึกงานเป็นไกด์ให้คนสเปนครั้งนี้
ทำให้ผมมีความใฝ่ฝันว่า
อยากจะเป็นไกด์ให้ชาวเกาหลีและญี่ปุ่น
โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่ตลาดน้ำ แม่งหล่อสาดดดดดดดดดดดดดดดดด