สืบเนื่องจากเมื่อเช้าตรู่ของวันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2550
ซึ่งตรงกับวันปิยมหาราช ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีสืบเนื่องกันมานาน
ข้าพเจ้าถูก โรคบิด รุมทำร้ายอย่างไร้ซึ่งความปราณี
โดยหลังจากเดินทางไปพบแพทย์แล้ว
แทย์ได้ให้คำแนะนำมาว่า ในระยะนี้ ให้ทานอาหารอ่อนๆ อย่าเพิ่งทานมื้อหนักๆ
มารดาข้าพเจ้าจึงเลือกอาหารเช้ามื้อแรกให้ข้าพเจ้าเป็น
"ข้าวต้มกับปลาสลิด"
อันว่า ปลาสลิด เป็นอาหารที่ข้าพเจ้าและน้องสาวโปรดปรานกันมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์
ไม่ว่าจะทานกับข้าวต้มก็ดี ข้าวสวยก็ดี หรือข้าวเหนียวก็ดี
ล้วนแล้วแต่ยังความอร่อยคุ้นลิ้น อยู่คู่ครัวไทยมานานแสนนาน ไม่แพ้วันปิยมหาราชเลยทีเดียว
แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าไปทานปลาสลิด
ก็จะบังเกิดความสงสัยกระหายใคร่รู้อยู่ร่ำไป
ว่าหน้าตาของเจ้าปลาสลิดแสนอร่อยนั้นเป็นเยี่ยงไร
เนื่องจากข้าพเจ้ายังไม่เคยพบเห็นปลาสลิดตากแห้งตัวใดมีหัว
และคาดว่าการที่ปลาสลิดจะมีหัวนั้นก็มิได้ปรากฏในพงศาวดารไทย
เล่มไหนเป็นแน่แท้
ข้าพเจ้าเคยคิดไปถึงขั้นว่า
อาจจะเคยมีตำนานในสมัยพุทธกาล
เมื่อครั้งสัตว์ทั้งหลายสามารถพูดจาสื่อสาร ทำสิ่งอย่างสารพันเยี่ยงมนุษย์ทำได้
ปลาสลิดตัวหนึ่ง
ว่ายน้ำมาพบกษัตริย์องค์หนึ่งแห่งแคว้นมคธ
ผู้กำลังแหวกว่ายธาราในแม่น้ำสินธุเข้าโดยบังเอิญ
จึงเอื้อนเอ่ยปากถามกษัตริย์องค์นั้นเป็นวาจา ความว่า
"โอ้ว่า ท่านกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดไฉนเล่า ท่านจึงลดตัวลงมาแหวกว่ายในธารธาราเยี่ยงสามัญชนเช่นนี้"
กษัตริย์ นึกโมโหอยู่ในใจ แลขุ่นเคืองใจว่า เจ้าปลาสลิดตัวนี้ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก จึ่งตอบคำกลับไปว่า
"เจ้าปลาสลิดต่ำศักดิ์ ความเหิมเกริมของเจ้ามันช่างล้นหัวของเจ้ายิ่งนัก ข้าไม่สงสัยเลยแม้เพียงนิด
เนื่องว่าเจ้าดำรงชีวิตอยู่แต่ในชลธี คงมิมีใครสั่งสอนเจ้าเรื่องใดบังควร และเรื่องใดมิบังควรดุจกัน"
ปลาสลิด แม้จะมีความรู้น้อยนัก แต่กพอจะรับรู้ได้
ว่ากำลังโดนกษัตริย์องค์นี้ดูถูกเหยียดหยาม จึงตอบไปว่า
"แม้นจะมิเคยมีผู้ใดสั่งสอนข้าให้รู้จักในสิ่งที่ควรและมิบังควร แต่ท่านเอย โปรดจงรับรู้ไว้ด้วยเถิดว่า
ข้านั้นมีคุณประโยชน์แก่เหล่ามวลมนุษย์
แลตัวท่านเองมากเพียงใด
หากไม่มีข้าอยู่ในโลก ดาวเคราะห์ที่ท่านอาศัยอยู่นี้แล้วไซร้
จงตอบคำข้าสิว่า
ท่านจะทานข้าวต้ม ข้าวสวย แลข้าวเหนียวกับปลาใดเล่า
จึ่งอร่อยลิ้น กินเพลิน เยี่ยงกินกับปลาสลิดเช่นข้า"
ถ้อยวาจาของปลาสลิด ยิ่งเพิ่มพูดโทสะของกษัตริย์องค์นั้น
ให้มากขึ้นเป็นร้อยเท่าทวีคูณ
"เหวย เหวย เจ้าปลาน้อย เจ้าจะลำพองใจมากเกินไปแล้ว
ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเจ้านั้นมีรสชาดอร่อยล้ำ เกินกว่ามัจฉาตัวใดที่แหวกว่ายอยู่ในสายชลแล้วละก็
ข้าก็ใคร่ขอลองลิ้มชิมรสเจ้า
เพื่อจักเป็นเครื่องพิสูจน์ในวาจาอันยะโสของเจ้า"
ว่าความดังกล่าวแล้ว กษัตริย์องค์นั้นก็ได้สั่งให้ทหารจับปลาสลิดตัวนั้นมา แล้วรับสั่งว่า
ให้กุดหัวเจ้าปลาตัวนี้เสีย เพื่อเป็นการลงโทษให้สาสมกับความทะนงตนที่มันมี
จากนั้นให้นำไปเสียบประจาณไว้ที่ประตูเมือง
เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์ ศพปลาสลิดตัวนั้นก็แห้งกรัง
กษัตริย์องค์นั้นเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังมิได้ลองลิ้ม ชิมรสปลาสลิดนั้นเลย
จึงให้แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง ผู้เป็นซังกุงแห่งห้องเครื่อง
นำปลาสลิดตัวนั้นมาประกอบเป็นอาหาร
หลังจากได้เสวยภัตตาหารอันปรุงมาจากปลาสลิดแล้ว
ก็เกิดความปิติยินดีเป็นล้นพ้น
เนื่องด้วยความอร่อยของปลาสลิดนั้น ถูกพระทัยเป็นยิ่งนัก
จึงเป็นที่มาว่า ก่อนที่จะนำปลาสลิดมาทำอาหารนั้น
ต้องตัดหัวแล้วนำไปตากแห้งก่อนทุกครั้ง
แต่แล้วมารดาข้าพเจ้า
ก็เข้ามาทำลายจินตการวาดฝันของข้าพเจ้าไปโดยสิ้น
ด้วยการเตือนสติ และให้ความรู้ว่า
ที่เขาต้องเอาหัวมันออกนั้น ก็เนื่องด้วย
ในการตากแห้งนั้น หัวปลาจะเป็นส่วนที่แห้งยาก และจะทำให้ปลาเน่า
จึงต้องเอาหัวมันออกก่อน
อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าก็ยังใคร่อยากเห็น หัวปลาสลิดอยู่ดี
จึงได้ทำการค้นหารูปภาพปลาสลิดในขณะที่ยังมีหัวอยู่เหนือครีบ
เมื่อพบแล้วจึงนำมาให้ทุกท่านได้เห็นกัน ดังนี้