Sunday, December 9, 2007

ผม.. เหงา

เคยมั้ย .. ที่เวลาอยู่คนเดียวแล้วคุณรู้สึกว้าเหว่ และหดหู่พิกล

นี่คือเหงา .. นี่แหละเหงา
นี่คือความจริงที่ได้เจอ เจ็บปวดทรมานลึกลงข้างในใจ

เคยมั้ย .. ที่แม้แต้มีคนล้อมหน้าล้อมหลัง บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ แต่ในใจกลับอ้างว้าง

โอ้ความเหงา .. มันช่างหนาว
มันช่างยาวนานและทุกข์ทน

เคยมั้ย .. ที่นั่งกดลิสรายชื่อในโทรศัพท์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโทรหาใคร

รอคอยใครบางคนมาหยุดมัน

Wednesday, October 24, 2007

บทความเรื่องปลาสลิด

สืบเนื่องจากเมื่อเช้าตรู่ของวันอังคารที่ 23 ตุลาคม 2550
ซึ่งตรงกับวันปิยมหาราช ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีสืบเนื่องกันมานาน
ข้าพเจ้าถูก โรคบิด รุมทำร้ายอย่างไร้ซึ่งความปราณี
โดยหลังจากเดินทางไปพบแพทย์แล้ว
แทย์ได้ให้คำแนะนำมาว่า ในระยะนี้ ให้ทานอาหารอ่อนๆ อย่าเพิ่งทานมื้อหนักๆ
มารดาข้าพเจ้าจึงเลือกอาหารเช้ามื้อแรกให้ข้าพเจ้าเป็น

"ข้าวต้มกับปลาสลิด"

อันว่า ปลาสลิด เป็นอาหารที่ข้าพเจ้าและน้องสาวโปรดปรานกันมาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์
ไม่ว่าจะทานกับข้าวต้มก็ดี ข้าวสวยก็ดี หรือข้าวเหนียวก็ดี
ล้วนแล้วแต่ยังความอร่อยคุ้นลิ้น อยู่คู่ครัวไทยมานานแสนนาน ไม่แพ้วันปิยมหาราชเลยทีเดียว

แต่ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าไปทานปลาสลิด
ก็จะบังเกิดความสงสัยกระหายใคร่รู้อยู่ร่ำไป
ว่าหน้าตาของเจ้าปลาสลิดแสนอร่อยนั้นเป็นเยี่ยงไร
เนื่องจากข้าพเจ้ายังไม่เคยพบเห็นปลาสลิดตากแห้งตัวใดมีหัว
และคาดว่าการที่ปลาสลิดจะมีหัวนั้นก็มิได้ปรากฏในพงศาวดารไทย
เล่มไหนเป็นแน่แท้
ข้าพเจ้าเคยคิดไปถึงขั้นว่า
อาจจะเคยมีตำนานในสมัยพุทธกาล
เมื่อครั้งสัตว์ทั้งหลายสามารถพูดจาสื่อสาร ทำสิ่งอย่างสารพันเยี่ยงมนุษย์ทำได้
ปลาสลิดตัวหนึ่ง
ว่ายน้ำมาพบกษัตริย์องค์หนึ่งแห่งแคว้นมคธ
ผู้กำลังแหวกว่ายธาราในแม่น้ำสินธุเข้าโดยบังเอิญ
จึงเอื้อนเอ่ยปากถามกษัตริย์องค์นั้นเป็นวาจา ความว่า
"โอ้ว่า ท่านกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดไฉนเล่า ท่านจึงลดตัวลงมาแหวกว่ายในธารธาราเยี่ยงสามัญชนเช่นนี้"
กษัตริย์ นึกโมโหอยู่ในใจ แลขุ่นเคืองใจว่า เจ้าปลาสลิดตัวนี้ช่างเหิมเกริมยิ่งนัก จึ่งตอบคำกลับไปว่า
"เจ้าปลาสลิดต่ำศักดิ์ ความเหิมเกริมของเจ้ามันช่างล้นหัวของเจ้ายิ่งนัก ข้าไม่สงสัยเลยแม้เพียงนิด
เนื่องว่าเจ้าดำรงชีวิตอยู่แต่ในชลธี คงมิมีใครสั่งสอนเจ้าเรื่องใดบังควร และเรื่องใดมิบังควรดุจกัน"
ปลาสลิด แม้จะมีความรู้น้อยนัก แต่กพอจะรับรู้ได้
ว่ากำลังโดนกษัตริย์องค์นี้ดูถูกเหยียดหยาม จึงตอบไปว่า
"แม้นจะมิเคยมีผู้ใดสั่งสอนข้าให้รู้จักในสิ่งที่ควรและมิบังควร แต่ท่านเอย โปรดจงรับรู้ไว้ด้วยเถิดว่า
ข้านั้นมีคุณประโยชน์แก่เหล่ามวลมนุษย์
แลตัวท่านเองมากเพียงใด
หากไม่มีข้าอยู่ในโลก ดาวเคราะห์ที่ท่านอาศัยอยู่นี้แล้วไซร้
จงตอบคำข้าสิว่า
ท่านจะทานข้าวต้ม ข้าวสวย แลข้าวเหนียวกับปลาใดเล่า
จึ่งอร่อยลิ้น กินเพลิน เยี่ยงกินกับปลาสลิดเช่นข้า"
ถ้อยวาจาของปลาสลิด ยิ่งเพิ่มพูดโทสะของกษัตริย์องค์นั้น
ให้มากขึ้นเป็นร้อยเท่าทวีคูณ
"เหวย เหวย เจ้าปลาน้อย เจ้าจะลำพองใจมากเกินไปแล้ว
ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเจ้านั้นมีรสชาดอร่อยล้ำ เกินกว่ามัจฉาตัวใดที่แหวกว่ายอยู่ในสายชลแล้วละก็
ข้าก็ใคร่ขอลองลิ้มชิมรสเจ้า
เพื่อจักเป็นเครื่องพิสูจน์ในวาจาอันยะโสของเจ้า"
ว่าความดังกล่าวแล้ว กษัตริย์องค์นั้นก็ได้สั่งให้ทหารจับปลาสลิดตัวนั้นมา แล้วรับสั่งว่า
ให้กุดหัวเจ้าปลาตัวนี้เสีย เพื่อเป็นการลงโทษให้สาสมกับความทะนงตนที่มันมี
จากนั้นให้นำไปเสียบประจาณไว้ที่ประตูเมือง
เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์ ศพปลาสลิดตัวนั้นก็แห้งกรัง
กษัตริย์องค์นั้นเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ยังมิได้ลองลิ้ม ชิมรสปลาสลิดนั้นเลย
จึงให้แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง ผู้เป็นซังกุงแห่งห้องเครื่อง
นำปลาสลิดตัวนั้นมาประกอบเป็นอาหาร
หลังจากได้เสวยภัตตาหารอันปรุงมาจากปลาสลิดแล้ว
ก็เกิดความปิติยินดีเป็นล้นพ้น
เนื่องด้วยความอร่อยของปลาสลิดนั้น ถูกพระทัยเป็นยิ่งนัก
จึงเป็นที่มาว่า ก่อนที่จะนำปลาสลิดมาทำอาหารนั้น
ต้องตัดหัวแล้วนำไปตากแห้งก่อนทุกครั้ง
แต่แล้วมารดาข้าพเจ้า
ก็เข้ามาทำลายจินตการวาดฝันของข้าพเจ้าไปโดยสิ้น
ด้วยการเตือนสติ และให้ความรู้ว่า
ที่เขาต้องเอาหัวมันออกนั้น ก็เนื่องด้วย
ในการตากแห้งนั้น หัวปลาจะเป็นส่วนที่แห้งยาก และจะทำให้ปลาเน่า
จึงต้องเอาหัวมันออกก่อน
อย่างไรก็ดี ข้าพเจ้าก็ยังใคร่อยากเห็น หัวปลาสลิดอยู่ดี
จึงได้ทำการค้นหารูปภาพปลาสลิดในขณะที่ยังมีหัวอยู่เหนือครีบ
เมื่อพบแล้วจึงนำมาให้ทุกท่านได้เห็นกัน ดังนี้





Wednesday, October 10, 2007

Hi 5 : สวัสดีฮ่ะ

อารัมภบท : Hi5 คืออะไร?
Hi5.com เป็นเวบไซต์ที่ให้ผู้ใช้บริการมาฝาก profile ของตัวเอง คล้ายๆกับ blog เนี่ยแหละ แต่ว่าคนไม่ค่อยไปเขียนอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในนั้นซะเท่าไหร่ จะเน้นที่ตกแต่งหน้าตา profile เราให้สวยงาม ดึงดูดคนมาเข้า แต่จุดเด่นของมันอยู่ที่ ระบบ network ที่เรามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ หรือบังเอิญเจอเพื่อนเก่าสมัยมัธยมเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือเพื่อนของเพื่อน กิ้กเก่า แฟนเก่า .. แต่อีกหลายคนก็สมัครไปงั้นๆไม่ได้อะไรมากเพราะได้รับอีเมลชวนมาเล่น hi5 จากเพื่อน ...
------------------------------------------------------------------------------
หรืออีกนัยหนึ่ง
Hi5.com เป็นเวบไซต์เป็นที่ผู้ใช้บริการมาฝาก profile ของตัวเอง โดยคนไม่ค่อยไปเขียนอะไรในนั้นเท่าไหร่ โดยส่วนมากจะเน้นไปที่การโพสรูปลวงโลก เป็นรูปที่ถ่ายออกมาแล้วดูดี พูดอีกอย่างก็คือ รูปที่มีโอกาสเกิดขึ้น 1 ใน 180 รูปที่ถ่าย เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาแอด และคอมเม้นอะไรต่างๆนานา บ้างอาจจะมีจุดประสงค์เกินเลยไปกว่านั้น คือหวังจะหาคู่จากเวบไซต์นี้ ซึ่งตรงกับจุดเด่นของเวบไซต์ ที่มีดีตรงระบบ network แต่อีกหลายคนก็สมัครไว้งั้นๆไม่ได้อะไรมาก เพราะต้องการจะเอาไว้แส่เข้าไปอ่านโปรไฟล์และดูรูปชาวบ้านเพียงเท่านั้น

************************************************
Hi5 (แปลเป็นไทยตามแบบฉบับเจ้าของบล๊อกว่า สวัสดีฮ่ะ)
เป็นเวบไซต์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างรุนแรงในปัจจุบันนี้
ใครไม่มีโปรไฟล์ไฮ5เป็นตัวเป็นตนละก็ถือว่าเชยแหลก
(บ้านน๊อกกกกกกก ... บ้านนอก)
จากกระแสความนิยมที่เกิดขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสยามประเทศของเรานั้น
ทำให้ใครต่อใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกเด็กเล็กแดง ตาสีตาสา ยายมียายมา หรือแม้กระทั่งองค์ .... ก็มี ไฮ5
การเล่นไฮ 5 ให้ประสบความสำเร็จนั้นมิใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก
เราควรจะเริ่มต้นจาก รูปที่ใช้เป็นโปรไฟล์ พิคเจอร์
คุณสมบัติที่ดีของรูปโปรไฟล์ พิคเจอร์ ก็คือ
1. ควรเป็นรูปตัวเอง ไม่ใช่รูปดารา หรือรูปวิว โดยเฉพาะพวกสิงสาราสัตว์นั้น ไม่ควรอย่างยิ่ง
(โปรไฟล์อีบิ๊ก)
2. ควรเป็นรูปเดี่ยว อย่าคิดว่าการใช้รูปถ่ายคู่กับเพื่อนที่หน้าตาดูดีจะเป็นการดึงดูดมากขึ้น
ตัวอย่าง : http://prettyproperty.hi5.com (ของอีป้อ)
3. รูปที่ใช้ควรเป็นรูปเพื่อการโฆษณาเท่านั้น ตัวจริงจะเป็นอย่างไรอย่าไปสน
ตัวอย่าง : http://dojoboy.hi5.com (ของกูเอง)
4. ไม่ควรใช้รูปที่เปิดเผยเนื้อหนังมังสามากเกินไป เพราะจะดูกะหรี่
ตัวอย่าง : http://natklinmalee.hi5.com (ของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร)
เมื่อเริ่มต้นด้วยรูปโปรไฟล์ พิคเจอร์ที่ดีแล้วก็เหมือนมีชัยไปกว่าครึ่ง
ต่อจากนั้นให้เราเริ่มจากการแอดเพื่อนที่เรารู้จักอยู่แล้วก่อน
จงจำเอาไว้ว่า วิธีที่เราจะขยายขอบเขตคนที่เรารู้จักให้มากขึ้นนั้น เราควรจะเริ่มจากคนใกล้ตัวก่อน
ยิ่งมีเพื่อนที่เรารู้จักแล้วเข้ามาในลิสมากขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็ย่อมหมายความว่า
เราจะยิ่งได้รู้จักเพื่อนของเพื่อนของเรามากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเริ่มที่จะแอดผู้อื่นเข้ามาในลิสของตน ก็ควรจะเริ่มเรียนรู้การคัดเลือกคนที่จะแอดด้วย
หากท่านเป็นสตรีเพศ ควรจะสังเกตสังกาดูให้ถ้วนถี่มากกว่าสรรพบุรุษ มากขึ้นไปอีก
บางคนแม้ในรูปจะดูสูงล่ำ กำยำ เป็นสุภาพบุรุษมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ถ้า Sexual Orientation ระบุเอาไว้ว่า Gay/I will tell you later ก็ไม่สมควรที่จะกดแอดเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจจะโดนด่าลับหลังได้ว่า อีชะนีไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้ต่ำรู้สูง
แต่อย่างไรก็ดี บางคนที่ระบุเอาไว้ว่า Straight ก็ยังไม่สามารถฟันธงลงไปได้ว่าจะแมนจริง
เพราะอาจเกิดจากความโง่ หรือ ยังไม่อยากเปิดเผยตัวเองมากไปนักก็ได้
ผู้ชายสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน เผลอไม่ได้ ต้องเล่นเพื่อนอยู่เป็นประจำ
อันนี้ให้เราสังเกตจาก ข้อความที่เพื่อนๆของเขาเข้ามาคอมเม้นท์ หรือ เพื่อนบนท๊อปเฟรนด์ และ คนที่เขารับแอดมา ก็อาจจะช่วยได้
แต่จากการวิเคราะห์ของผู้เขียนแล้ว
มนุษย์เพศชายที่เล่นไฮ5 นั้น เป็นชายแท้ซัก 20 เปอเซนต์
ผู้ชายส่วนมากคงไม่นิยมจะมานั่งอัพโหลดรูปภาพ หรือเข้ามาคอมเม้นท์ อะไรมากมายนักหรอก
(จึงเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนแปลเวบนี้เป็นภาษาไทยว่า "สวัสดีฮ่ะ" )
การเข้าไปคอมเม้นในโปรไฟล์ ในแกลลอรี่ หรือการให้ไฟว์นั้น (trade five) ก็เป็นเรื่องสำคัญ
จะทำให้เราเห็นว่าเราสนใจเค้าคนนั้นอยู่นะ ข้อควรจำอีกประการหนึ่งก็คือ
ถ้าเราอยากจะทำความรู้จักกับใคร เราก็ควรมีไมตรีจิตที่ดีต่อเขาคนนั้นก่อน
การ keep in touch โดย drop by to say something จึงเป็นเรื่องที่ควรทำ
อนึ่ง
ข้อความในการนำไปคอมเม้นท์ที่ดี ควรมีคุณลักษณะดังนี้
1. หากเป็นการเข้าไปคอมเม้นท์ครั้งแรกควรจะเริ่มจากการขอบคุณที่เขาอุตส่าห์รับรีเควสของเรา ทั้งๆที่หน้าเราจะเงือกมากขนาดไหนก็ตาม
2. ควรลงท้ายด้วยคำถาม หรืออะไรก็ตาม ที่เขาจะสามารถตอบกลับเราได้ เพื่อดูว่าเขาคนนั้นมีท่าทีต่อเราบ้างหรือไม่ ถ้าไม่มีวี่แววว่าเขาจะตอบกลับมา ก็ไม่ควรทู่ซี่เข้าไปเม้นท์นู่นนี่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า รังแต่จะก่อให้เกิดความรำคาญต่อเขาคนนั้น จนถึงขั้นแอบนั่งด่าพ่อล่อแม่ของคุณอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็เป็นได้
3. ความมั่นใจในตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้งอาจเป็นบ่อเกิดแห่งความหมั่นไส้ได้ ดังนั้นการคอมเม้นท์คนอื่นด้วยสไลด์ที่มีแต่รูปตัวเองล้วนๆโดยไม่ได้สื่อความใดๆ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยเฉพาะรูปที่อาจปลุกอารมณ์ทางเพศ (ของสัตว์เลี้ยงทางบ้านของผู้ถูกคอมเม้นท์)
4. พวกข้อความฟอร์เวิร์ดทั้งหลาย ควรพิจารณาให้ถ้วนถี่ก่อนว่า มีความยาวเกินไปหรือไม่ เพราะนอกจากจะขี้เกียจอ่านแล้ว จะทำให้โปรไฟล์ออกมาไม่สวยงาม
5. พวกเพลงต่างๆ ไม่ว่าจะเพราะพริ้งกินใจ หรือจะซึ้งเข้าไขสันหลังขนาดไหน ก็เป็นสิ่งต้องห้าม โดยเฉพาะในโปรไฟล์ที่เจ้าของได้ลงเพลงเอาไว้อยู่แล้ว เพราะจะทำให้เพลงตีกันไม่ได้ศัพท์ จับไม่ได้ความ
จากเคล็ดไม่ลับที่ผู้เขียนให้ไปทั้งหมดนี้
ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า สมาชิกนักอ่านบล๊อก จะกลับไปพัฒนา โปรไฟล์ของตนให้ดียิ่งๆขึ้นไป
ส่วนใครที่ยังไม่มีก็พิจารณาตัวเองได้แล้วนะ (อีดอก)
สุดท้ายนี้
ขอให้ทุกคนจงประสบความสำเร็จ ลุล่วงจุดประสงค์ในการเล่นไฮ5 ทุกคนด้วยเทอญ

Wednesday, October 3, 2007

ของฝากจากระยอง

ปฐมบทแห่งการเดินทาง
เค้าว่ากันว่า
การที่คนจะไปทะเลนั้นมีอยู่ 2 เหตุผลด้วยกัน ก็คือ
"ไม่หนีร้อน ก็ หนีรัก"

การไปทะเลของเราครั้งนี้ก็มีทั้งกลุ่มคนที่หนีร้อนและหนีรัก

กลุ่มคนที่หนีรัก คือ น. หรือ ฟ.ร. หรือ น.ย หรือ เจ๊ ส.
(ทั้งหมดคือคนเดียวกัน)
ส่วนกลุ่มคนหนีร้อน (ข้อสอบร้อนๆ) ก็คือ ทั้งหมดที่เหลือนั่นเอง

ออกเดินทางตอนประมาณ 5 โมงเย็นของวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม
(หลังจากรู้ว่าจะไปเที่ยวกันกลางดึกคืนวันอาทิตย์)
ด้วยรถทัวร์ของบริษัทระยองทัวร์ ณ เอกมัย
***********************************
ราตรีอันแสนสั้น
ไปถึงระยองก็ดึกแล้ว
เอย เจ้าบ้านผู้น่ารัก มารับพวกเราไปกินข้าวกันที่ สถานโต้รุ่งประจำจังหวัด

อิ่มหนำสำราญ พุงป่องกันเรียบร้อยแล้ว
ก็มุ่งหน้าสู่ที่พักอันน่ารัก ชื่อว่าบ้านปูลม
คืนแรกไม่มีอะไร
ไปถึงก็ไปนั่งชิวๆกันริมทะเล
แล้วก็เข้านอนพักผ่อนเอาแรงกันในวันพรุ่ง

*************************************

เช้าตรู่ของวันที่ 2 ณ จังหวัดระยอง ริมชายหาดแม่รำพึง
เราตื่นกันแต่เช้า
ซึ่งถ้าปกติอยู่ที่ กทม คงยังนอนอุตุ หรือไม่ก็เพิ่งเข้านอนกันอยู่
เพื่อไปกินอาหารเช้ากัน
(ผัดไทอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก+++)
จากนั้นก็ลงชายหาดชักภาพกันอย่างร่าเริง




----------------------------------------------------
ตัดภาพไปที่ผู้หนีรัก
โลกนี่มันช่างว่างเปล่าเดียวดาย จะมีซักคนมั้ยนะมาเข้าใจเรา

--------------------------------------------------
ความสุขอันจำกัดบนเกาะเสม็ด
หลังจากถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว
ก็ได้เวลาเดินทางไปบ้านเพ
ซึ่งเป็นท่าเรือที่จะพาเราไปสู่เกาะเสม็ด
ที่เค้าว่าใครไปต้องเสร็จทุกราย
ไปถึงท่าเรือตอน 11 โมงเช้า
เพื่อรอ เปี่ยม ตุ๊ดผู้มาทีหลัง
จนกระทั่งเวลาคล้อยไป บ่าย 2 กว่า
เปี่ยมก็ปรากฏตัวให้พวกเราได้เห็น
ไม่รอช้า
พวกเรารีบไปซื้อตั๋วเพื่อขึ้นเรือ
แต่เนื่องจากเรือต้องรอให้มีคนครบ 20 คนซะก่อน เรือถึงจะออก
พวกเราจึงต้องรอเรืออีกประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ
รวมกับเวลาเดินทางสู่เกาะเสม็ดอีกประมาณ 40 นาที
เราจึงไปถึงเกาะเกือบ 4 โมงเย็นแล้ว
เมื่อถึงเกาะก็ต้องต่อรถกระบะเข้าไปยังชายหาด
หลังจากบุกบั่นกับเส้นทาง off road ที่แสนจะทรหด
ก้นกระแทกเบาะจนแทบระบม

เราก็มาถึงหาดทรายแก้ว
ที่ทรายเป็นสีขาวจนดูเหมือนเป็นของปลอม
เนื่องจากเวลามีน้อย เราจึงต้องใช้สอยอย่างประหยัด
ลงเล่นน้ำกันสนุกสนาน


------------------------------------------------

แต่สำหรับคนที่กำลังหนีรักแล้ว
บรรยากาศของเกาะเสม็ดก็ยิ่งทำให้รู้สึกเศร้าสร้อยลงไปอีก


----------------------------------------------------
พอ 6 โมงก็ต้องถึงเวลาจากเกาะเสม็ดไปด้วยใจอาวรณ์ .. กระซิกกระซิก
*************************************
กินอย่างราชาในราคามิตรภาพ
ค่ำคืนนั้นพวกเราได้ไปซื้ออาหารทะเลสดๆมาปิ้งกินกันอย่างมีความสุข
กุ้งตัวโตๆ 3 โล
ปลาหมึก 2 โล
ปลาซาบะ 5 ตัว
หมดไปในเวลาไม่นาน
หลังจากอิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อยแล้ว
ก็มีการนั่งดริ๊งกันเล็กน้อย
แต่ด้วยความอิ่มและความเหน็ดเหนื่อย
พวกเราจึงเข้านอนกันอย่างรวดเร็ว
********************************
อำลา

เช้าวันสุดท้าย
หลังจากกินอาหารเช้ากันที่เดิม
ก็ต่อรถเพื่อไปยัง อควอเรียมของจังหวัด
ซึ่งเป็นสถานที่สุดท้ายของทริปนี้
จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับกรุงเทพเมืองฟ้าอมร แต่ไม่มีทะเล


ปัจฉิมลิขิต

1. ขอบคุณ เจ๊เอย นะจ๊ะ

2. ติดตามชมรูปสวยๆจากทริปนี้ได้ที่ http://www.hi5.com/friend/photos/displayMyPhoto.do?albumId=112870038&ownerId=43293942&currentIndex=0


Friday, September 14, 2007

วิวัฒนาการของมนุษย์

มนุษย์ สิ่งมีชีวิตที่พัฒนาขึ้นมา เดินสองขาเป็นสายพันธุ์แรกของโลก
หลายพันล้านปีมาแล้ว ที่มนุษย์ วิวัฒนาขึ้นมาจากสัตว์เซล์เดียวไม่มีกระดูกสันหลัง
จนกลายมาเป็นสิ่งมีชีวิตที่(คิดกันเอาเองว่า)ฉลาดที่สุดในหมู่มวลสัตว์โลก
และผงาดขึ้นมาเป็นผู้ครองโลก ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนให้โลกนี้เคลื่อนไปข้างหน้า
(หรือถอยหลังเข้าคลอง?)
อย่างที่เราทราบกันดี
ว่ากว่าที่สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง
จะวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา รูปพรรณสัณฐาน ให้ต่างออกไปจากปกติวิสัยได้นั้น
ต้องใช้เวลานับร้อย นับพัน นับหมื่น นับแสน หรือ นับล้านๆปี
(ถ้าไม่เชื่อไปถามบิ๊กดู มันเรียนเอกประวัติศาสตร์ เป็นตัวแม่ด้วย)

แต่ปัจจุบัน
โลกาภิวัฒน์ ทำให้มนุษย์สามารถพัฒนาตนเองได้
ภายในระยะเวลาเพียง 2 -3 ปีเท่านั้น
ความแตกต่างที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้นแค่นี้
อาจจะทำให้บุคคลใกล้ตัวของเราเปลี่ยนไปได้เป็นคนละคน
(เรียกอีกอย่างได้ว่า เปลี่ยนจากผีเป็นคน)


ตัวอย่างของมนุษย์ที่พัฒนาตนเองได้อย่างยอดเยี่ยมในระยะเวลาอันสั้น มีให้เราเห็นอยู่ทั่วไป
ที่จะเห็นต่อไปนี้ เป็นบุคคลตัวอย่าง
ที่จะทำให้เราเข้าใจวิวัฒนาการของมนุษย์ในปัจจุบันได้ดีขึ้น
วิวัฒนาการทางกายภาพแบบแรก
นั่นคิอวิวัฒนาการทางเพศ

(ใครๆก็บอกว่า ทอมสามารถเปลี่ยนเป็นผู้หญิงแท้ๆได้)

ผู้หญิงคนที่ 1
นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่พัฒนาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดทางกายภาพ
เช่น ทรวงอกขยายขึ้น หรือ ผมยาวสลวย
ยังมีวิวัฒนาการทางชื่ออีกด้วย
หลังจากที่เธอลืมตาออกมาดูโลก
ทางบ้านของเธอให้ชื่อแก่เธอว่า ปิง
และด้วยความที่บ้านเธอเป็นคนชื้อสายจีน เธอจึงถูกเรียกว่า "เฮียปิง"
แต่วิวัฒนาการทำให้เธอเปลี่ยนชื่อมาเป็น "หมวย" เช่นที่เราเรียกๆกันในปัจจุบัน
วิวัฒนาการทางกายภาพประเภทที่ 2
วิวัฒนาการด้านรูปร่าง
จากภาพตัวอย่างบุคคลทางด้านซ้าย
เป็นตัวอย่างของวิวัฒนาการทางการภาพทางด้านรูปร่างแบบลดขนาดลง
ตรงข้ามกับทางด้านขวา
ที่เพิ่มขนาดขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนเวลาตัวเยลลี่บวมน้ำ
และคาดว่าจะมีพัฒนาการเพิ่มขนาดขึ้นอบย่างไม่มีที่สิ้นสุด
วิวัฒนาการทางกายภาพประเภทที่ 3
วิวัฒนาการทางด้านหน้าตา

เมื่อปี 2005 เค้าผู้นี้ ชื่นชอบการตัดผมรองทรงเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่หลังจากนั้น เค้าก็มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ตัวเองใหม่ จมูกดูสันเป็นทรง เส้นผมยังทำไฮไลท์ โดยเฉพาะหลังจากการไปชุบตัวในฐานะขี้ค่าฝรั่งกับโครงการ เวิกร์ แอ่นแทระเวิ่ล ณ แดนมะกัน

ชีวิตของมนุษย์มีขึ้นก็ย่อมมีลง
มีลงก็ย่อมมีขึ้น
เช่นเดียวกับเหรียญที่มี 2 ด้าน
มนุษย์บางคน ก็เป็นมนุษย์ที่ไร้ซึ่งวิวัฒนาการ
เรียกได้ว่าแก่อย่างไร ก็แก่อย่างนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลง


รูปแรก บิ๊กถ่ายไว้ก่อนเข้ามาเรียน จุฬา
เป็นรูปใช้หากิน
น้องคนไหนที่เคยเรียนดาวองก์ อาจจะคุ้นกับรุปนี้
เพราะจากที่บิ๊กได้คะแนนเอนทรานซ์รอบที่ 4 ในวิชาภาษาไทยถึง 88 คะแนน
เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
บิ๊กก็ได้รับเกียรติให้ลงหนังสือของดาวองก์
แต่อาจจะหายากหน่อย เพราะได้ลงปกหลังที่พับเข้ามาข้างในอีกที
รูปที่ 2 ถ่ายไว้เมื่อตอนที่
บิ๊กได้รับเกียรติให้เป็นถึงเชียร์ ลีดเด้อ ของขณะ
รอยยิ้มนี้แหละที่มัดใจกรรมการ จนได้รางวัลที่ 3 มาครอง

ส่วนรูปสุดท้าย
ถูกชักเอาไว้เป็นที่ระลึกในงานสงกรานต์ที่เรือนไทย จุฬาฯ
สังเกตได้ว่าไม่มีความแตกต่าง
-คิดจะจบก็จบ-
ปล. นี่กูเอาเวลาที่ควรจะอ่านหนังสือมาทำไรอยู่เนี่ย -*-
ปล.2 หลายคนสงสัยว่า ทำไมไม่มีอีนัท อยากรู้ก้อไปอ่านชื่อเอนทรี่วันนี้สิ "วิวัฒนาการมนุษย์"

























Sunday, August 26, 2007

นิราศจุฬาฯ

เสียงมือถือบอกเวลาว่าต้องตื่น
เราก็ฟื้นจากนิทรามากดทิ้ง
แปดนาฬิกาสายแล้วนะอันที่จริง
ขอประวิงเวลานอนก่อนแล้วกัน
แปดโมงครึ่งยังนอนอยู่ไม่รู้สึก
จลึกลึกก็อยากเป็นเด็กขยัน
แต่ขอผลัดเอาไว้อีกวันแล้วกัน
พรุ่งนี้ฉันจะตื่นให้ตรงเวลา
เวลาล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยง
คงจะเลี่ยงนอนต่อไม่ได้แล้วหนา
คาบตอนเช้าก็โดดเรียนไปอีกครา
เพื่อนเพื่อนจ๋าช่วยเก็บชีทไว้ให้ที
ลุกขึ้นมาอาบน้ำฟอกสบู่
ขัดและถูให้ทั่วร่างอย่างสุขี
ชำระล้างให้สะอาดทั่วอินทรีย์
สายนทีไหลผ่ายกายสบายใจ
ชุดนิสิตสวมใส่ให้เรียบร้อย
แล้วค่อยค่อยใช้โทนเน่อให้หน้าใส
คอนแทคเลนส์รีบใส่อย่างว่องไว
เสร็จแล้วไซร้เร่งทำสิ่งที่สำคัญ
อันระกาเค้าว่างามเพราะขน
ปุถุชนอย่างเราต้องขมีขมัน
ไม่มีขนอันงดงามอย่างไก่มัน
ต้องแต่งกันให้เลิศเลอกว่าใครใคร
สิ่งสำคัญลิมไม่ได้คือเกศา
รู้ไหมว่าผมสำคัญกว่าที่ไหน
ดูอย่างเช่นกอล์ฟไมค์นั่นยังไง
ถ้ามันไม่มีผมคงเป็นลาว
ไดร์เป่าผมพร้อมที่หนีบร้อนได้ที่
รีบเร็วรี่แต่งทรงผมให้ดูสาว (??)
เสร็จเรียบร้อยเอาแว๊กซ์ใส่ ณ บัดนาว
แล้วร้อง ว้าว! หล่อจริงจริงนะพ่อคุณ (-*-)
ออกจากบ้านอย่าลืมขอตังค์แม่
ไม่งั้นแย่ต้องไปเป็นผีขนุน
ขายตัวให้พวกคนรวยลูกนายทุน
ยังต้องลุ้นติดโรคเพศเป็นเอดส์ตาย
โอ้ย อากาศทำไมมันช่างร้อนรุ่ม
ดังไฟสุมไว้ในทรวงไม่รู้หาย
นั่งรถเมล์ไปก็คงไม่สบาย
เอาง่ายง่ายโบกแท๊กซี่เลยแล้วกัน
ขึ้นเบาะหลังบอกคนขับไปจุฬาฯ
ไปคันหน้านะน้องเค้าบอกฉัน
พี่กลัวไปส่งรถคืนไม่ทัน
รีบเร็วพลันโบกคันใหม่สีชมพู
ผ่านเมเจอร์ปิ่นเกล้าคนพลุกพล่าน
ไม่มานานเปลี่ยนไปดูช่างหรู
แล้วก็นึกไปถึงหน้าโฉมตรู
เคยมาดูภาพยนตร์กับทรามวัย
วิ่งตรงมาถึงพาต้ามีสวนสัตว์
เห็นแจ่มชัดรอยยิ้มเธอที่สดใส
รอยยิ้มนั้นยังจารึกอยู่ในใจ
เพราะเหตุใดยิ้มเหมือนลิงชิมแปนซี
ข้ามสะพานพระปิ่นเจอสนามหลวง
เจ็บในทรวงยังฝังใจไม่รู้หนี
เราสองคนเคยมาเดินเพลินทุกที
ดินจู๋จี๋แล้วชักว่าวกันสองคน (อย่าคิดลึก)
ภูเขาทองตั้งตระหง่านเมื่อได้พบ
สองมือนพกราบไหว้ซักหนึ่งหน
ขอให้ลูกได้คนรักอีกซักคน
ใครไม่สนขอแค่หล่อก็พอใจ
รถแท๊กซี่วิ่งไปตามถนน
ชีวิตคนกับถนนต่างกันไหม
คนเราต้องเดินทางอย่างยาวไกล
ชีวิตไซร้คือถนนให้เดินทาง
รถเลี้ยวขวาผ่านโรงเรียนเทพศิรินทร์
นี่คือถิ่นเก่าอีหมวยสาวมีหาง(หางหน้า)
พลางคิดถึงโรงเรียนเก่าเราไปพลาง
ไว้ว่างว่างจะกลับไปเยี่ยมเยียน
สถานีต่อไปหัวลำโพง
ถนนโล่งโชเฟอร์ขับฉวัดเฉวียน
จนฉันเริ่มรู้สึกสะอิดสะเอียน
จะไปเรียนรู้เรื่องไหมเนี่ยเรา
คนขับเลี่ยงถนนใหญ่เข้าทางลัด
ผ่านทางวัดดวงแขฉันยิ่งเหงา
หาทางลัดพิชิตใจคนรักเรา
ทำยังไงเขาจะหันมองสักที
ถึงสวนหลวงร้านอาหารอยู่ดาษเดื่อน
ยังแชเชือนคิดถึงหน้านวลฉวี
ทำยังไงก็ไม่ลืมเธอสักที
สตอรี่ของสองเรายังตรึงใจ
เข้าประตูทางด้านหลังฝั่งสามย่าน
ขับรถผ่านหอกลางไปประตูใหญ่
ไฟเขียวปุ๊บรีบเร่งเหยียบทันใด
ถึงแล้วไซร้ "อักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์" ..
เกร็ดความรู้
นิราศ หมายถึง งานประพันธ์ประเภทหนึ่ง มีเนื้อหาในเชิงพรรณนาถึงการเดินทางเป็นหลัก มักจะเล่าถึงเส้นทาง การเดินทาง และบอกเล่าถึงสิ่งที่พบเห็นระหว่างการเดินทาง ขณะเดียวกัน มักจะสอดแทรกความคิด ความรู้สึกต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางนั้น โดยมักจะเชื่อมโยงสิ่งที่พบเห็นกับความรู้สึกภายใน ผู้แต่งนิราศ มักจะใช้คำประพันธ์แบบร้อยกรองเป็นหลัก แต่นิราศที่แต่งด้วยร้อยแก้วก็มีอยู่บ้างเช่นกัน อนึ่ง คำว่า นิราศ มีความหมายตามตัวอักษรว่า จาก พราก ไปจาก ฯลฯ แต่นิราศอาจหมายถึงงานประพันธ์ที่พรรณนาถึงเหตุการณ์ตามลำดับ พร้อมทั้งแสดงอารมณ์ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับเหตุการณ์นั้นๆ โดยมิได้มีการเดินทาง หรือการพลัดพรากก็ได้
วรรณกรรมประเภทนิราศมักจะมีความยาวไม่มาก พรรณนาถึงสิ่งสวยงาม และความรู้สึกผูกพันที่มีต่อบุคคลที่ตนรัก และเนื่องจากกวีส่วนใหญ่เป็นชาย เนื้อหาในนิราศจึงมักจะพรรณนาถึงหญิงที่ตนรัก กระทั่งกลายเป็นขนบของการแต่งนิราศมาจวบจนปัจจุบัน ที่ผู้แต่งนิราศ มักจะผูกเรื่องราวของการคร่ำครวญถึงหญิงที่รัก ขณะที่เล่าถึงสิ่งที่ได้พบเห็นระหว่างการเดินทางด้วย

Wednesday, August 15, 2007

โลกของเราร้อนขึ้น แถมยังเสื่อมลงทุกวันๆ

ปัจจุบัน
โลกของเราต้องเผชิญกับปัญหาทางกายภาพไม่เว้นแต่ละวัน
ไม่ว่าจะเป็น พายุ แผ่นดินไหว ซึนามิ
ภาวะโลกร้อนก็ทวีความรุนแรงขึ้น
แต่สิ่งที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ
ศีลธรรมของมนุษย์ผู้อาศัยอยู่บนพื้นโลก
ที่นับวันยิ่งลดถอยหดหาย
โดยเฉพาะศีลธรรมทางเพศที่เลวร้ายที่สุด
"กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี สิขาปะทังสมาธิยามิ"
ศีลข้อ 3 ที่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก และท่องไม่ได้
และก้อน้อยคนอีกเช่นเดียวกัน ที่จะรู้จักปฏิบัติตามศีลข้อนี้
ส่วนหนึ่งมาจากการขาดการยับยั้งชั่งสติ
เมื่อสุราเข้าปาก แอลกอฮอล์ก็อเข้าไปแทนที่เลือดในสมอง
หลายคนเมื่อเมาแล้วก็กระทำการต่างๆไม่ต่างไปจากหมา
.
.
.
.
.
.
.




บางคนก็ไม่เว้นแม้กระทั่งน้องสาวของเพื่อนสนิทตัวเอง
.
.
.
.
.
.
.
.
ปัญหาเหล่านี้
น่าเป็นห่วงยิ่งขึ้น
เมื่อเกิดขึ้นกับวัยรุ่น
เนื่องจากวัยรุ่นเป็นช่วงสำคัญของชีวิต
ถือได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
อนาคตของชาติจะเป็นอย่างไร
ก็อยู่ในกำมือของวัยรุ่นเหล่านี้
แต่วัยรุ่นในปัจจุบัน
กลับประพฤติตัวอย่างไม่เหมาะสม
กอด จูบ ลูบ คลำ กันในที่สาธารณะ อย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าครืน
.
.
.
.
.
.
.
.
.

แต่จะว่าแต่วัยรุ่นก็ไม่ได้ เพราะอันที่จริง ผู้ใหญ่ต่างหากที่เป็นตัวอย่างให้วัยรุ่น สื่อยั่วยุต่างๆที่ออกมาเยอะแยะในปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของผู้ใหญ่เกือบทั้งสิ้น

.

.

.

.

.

วัยรุ่นที่หมกมุ่นอยู่กับสื่อยั่วยุเหล่านี้จึงถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นเด็กมีปัญหา และแสดงความต้องการเหล่านั้นออกมา

จึงไม่แปลกที่จะเห็นคอลัมน์เรื่องเพศผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดตามนิตยสารต่างๆ ให้เหล่าผู้ที่มีปัญหาทางเพศได้เขียนเข้าไปปรึกษากัน

.

.

.

.

.

.

.

.

.

ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ให้หมดไปได้

- จบ -

Monday, August 13, 2007

เรียงความเนื่องในวันแม่

ม่ของฉัน เป็นผู้หญิงตัวเตี้ยๆคนหนึ่ง (เตี้ยแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าแม่ฉันตัวเตี้ยกว่าฉัน) ถึงแม้ว่าฉันจะโกรธแม่ ที่แม่เป็นผู้หญิงตัวเตี้ย เลยส่งผลความเตี้ยนั้นมาให้ฉันทางสายสะดือและกรรมพันธุ์ แต่ฉันก็รักแม่ของฉันไม่แพ้ลูกคนไหนๆเหมือนกัน
ม่ของฉันเป็นหญิงที่รักการร้องรำทำเพลงเป็นชีวิตจิตใจ กิจกรรมยามว่างของแม่ของฉันจึงไม่พ้นการร้องคาราโอเกะ แม่ของฉันชอบร้องคาราโอเกะมาก มากจนกระทั่งแม้ว่าจะอยู่บ้านคนเดียว แม่ของฉันก็เพลิดเพลินกับการร้องคาราโอเกะได้ บ่ายวันหนึ่ง ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังเรียนภาษาสเปน คาบคอนเวอกับอาจารย์ มาเรีย อังเคเลส กาบาน่า โมราเลส อยู่นั้น แม่ของฉันโทรมาหาฉัน ฉันตกใจรีบรับโทรศัพท์ด้วยเกรงว่ามีเหตุร้ายใดเกิดขึ้นหรือเปล่า - - เดาไม่ผิด แม่ของฉันโทรมาเพราะ ลืมวิธีปิดคอม หลังจากเพลิดเพลินกับการร้องคาราโอเกะคนเดียว จึงโทรมาถามว่าปิดคอมอย่างไร - - แม่ฉันยังชอบชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาร้องเพลงคาราโอเกะที่บ้านอยู่บ่อยๆ เพลงที่แม่ฉันร้องนั้นมีตั้งแต่เพลงลูกทุ่งยอดนิยม เพลงลูกกรุงในตำนาน เพลงฝรั่งยุค 60's - 80's ไปจนถึงเพลง live and learn ของป้ากมลา วันดีคืนดี แม่ของฉันก็นัดเพื่อนออกไปท่องราตรีกันที่ ป. กุ้งเผา สาขาปิ่นเกล้า - - คืนหนึ่ง หลังจากแม่ของฉันกลับมาจาก ป.กุ้งเผา แม่เล่าฉันฟังว่า วันนั้นมีโจอี้ บอย และ ก้านคอคลับมาเปิดคอนเสิร์ทที่ ป.กุ้งเผา ทำเอาเพื่อนของแม่ของฉันนั่งเซงไปตามๆกัน เพราะเพลงไม่ใช่แนวถนัด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของแม่ของฉัน แม่บอกว่า แม่พยายามทำตัวกลมกลืนกับพวกวัยรุ่นโดยการไปเต้นอยู่หน้าเวที - - ฉันภาคภูมิใจในตัวแม่ของฉันจริงๆ
ม่ของฉันนั้นแก่นเซี้ยวมาตั้งแต่เด็ก - - ตามคำบอกเล่าของแม่ แม่ฉันเล่าให้ฟังว่า แม่เคยแกล้งเพื่อนในวงเหล้า ด้วยการนำเอาวาซาบิแบบหลอด มาหลอกเพื่อนที่กำลังเมาว่า เป็นยาสีฟันรสชาเขียว - - โดยเจตนาของแม่ที่แท้จริงคือต้องการให้เพื่อนคนนั้นสร่างเมา แม่ฉันช่างเป็นคนดีเสียจริง
ม่ของฉันยังเป็นคนมีอารมณ์ขันแบบตลกคาเฟ่ยังอายอีกด้วย - - เช้าวันหนึ่ง วันนั้นฉันมีสอบกลางภาควิชาใดนั้นจำไม่ได้ วันนั้นฉันใส่แว่นไปมหาวิทยาลัย ตามปกติของช่วงสอบที่จะอดนอนจนตาช้ำ ไม่อาจใส่คอนแทคเลนส์ได้ ด้วยความไม่มั่นใจ ฉันจึงถามแม่ของฉันว่า - แม่ๆ วันนี้ตั้มดูเนิร์ดมั้ย - คำตอบของแม่ทำเอาฉันยืนนิ่งไป 3 วินาที เนื่องจากทึ่งในอารมณ์ขันของแม่ - ตั้มเป็นพยาบาลหรอ? (สำหรับคนที่ไม่เข้าใจ แม่ของฉันพยายามจะเล่นคำ ระหว่างคำว่า nerd กับ nurse)
ม่ของฉัน ก็ไม่แพ้ใครในเรื่องของเทคโนโลยี - กิจกรรมใหม่ที่แม่โปรดปรานนอกจากการร้องคาราโอเกะ ในปัจจุบันนี้คือ การเล่นเกมส์ซูม่า (ซูม่า คือเกมคางคกคาบลูกแก้ว วิธีเล่นคือยิงลูกแก้วไปที่ลูกแก้วสีเดียวกันที่วิ่งมาตามรางเพื่อจะไปเข้าปากทางนรก ให้เรียงกันได้มากกว่า 3 ลูกขึ้นไป ให้ลูกแก้วแตกให้หมดก่อนที่ลูกแก้วทั้งหมดจะไหลลงปากนรกไป) - - แม่ของฉันไม่ได้ชอบเกมนี้มากเท่าไหร่ แม่ของฉันจะเล่นเกมนี้แค่ช่วง เช้ามืดหลังตื่นนอน, ตอนสาย หลังซื้อของเข้าร้าน, ตอนกลางวัน หลังจัดร้านเสร็จ และตอนก่อนนอน หลังปิดร้าน เท่านั้นเอง
ถ้าใครมาถามข้าพเจ้าว่า ใครคือคนที่ฉันรักที่สุด ใครคือต้นแบบในการดำเนินชีวิตของฉัน และ ใครคือคนฮีโร่ของฉัน แน่นอนว่า คำตอบที่คนถามจะได้ยินก็คือ "แม่ของฉัน"

Sunday, August 5, 2007

เกิดเป็นวัยรุ่น นอกจากช่วยตัวเองแล้วก็ต้องแอ๊บแบ๊ว


หวาดเดเพิ่นๆๆๆทุกโคนน
ตอนเน้เราสังเกดว่าผู้หลักผู้หย่ายในบ้านเมืองเราเค้าดูว่างๆกานรึงายก้อม่ายยยรุ
ปัญหาตั้งเย้ออออ ม่ายไปแก้กาน
มัวแต่มานั่งด่าวัยรุ่นอย่างเราๆ
หาว่าพวกเราชอบแอ๊บแบ๊วววว


ทัมมัยนะ


ก้อพวกเราเป็นเด็กนี่เนอะ เราจาทำอารายหั้ยมานน่าร้าก สมวัยพวกเราก้อม่ายด้าย
พวกผู้หย่ายพวกเน้นี่ มั่ยจัยเลยอะ เฮ้ออ


เห็นออกมารนนะรงกันนะ
ไม่ให้คนแอ๊บแบ๊ววว
โดยชาเพาะ พวกดารา

โหยย

ม่ายหั้ยพวกเราแอ๊บแบ๊วก้อเชยแย่เดะ
เน่ๆ เด๋วเน้อะนะ
ครายๆเค้าก้อแอ๊บแบ๊วกานท้างน้านน ชิมิ

เอาเง้


ครายยางแอ๊บแบ๊วม่ายเป็นเด๋วเราสอนให้นะ

ก่อนอื่นโรยเนี่ย
ต้องหัดพิมแบบเน้หั้ยด้ายก่อนน
ภาษามานจาวิบัดก้อช่างมาน ม่ายต้องปายสน
พิมแบบเน้น่ารักจาตายเนอะ อิอิ


ต่อมาน้า
ต้องปายซื้อบิ๊กอายมาใส่ เกร๋ๆ
ใส่แล้วตาจาด้ายโตๆงาย
ดูบ๊องแบ๊วๆ ตาหวานๆ ฮิฮิ


ส่วนปากอะนะ
ก้อต้องทำให้บางๆเข้าไว้
บางที่สุดเท่าที่จาทำด้ายเลยน้า
แล้วก้อเผยอปากบนขึ้นเป็นแหลมๆอ่า
หั้ยเห็นฟันนิดนุง
แล้วก้อต้องทัมหั้ยมันเบี้ยวปายข้างใดข้างหนึ่งโด้ยแล้วแต่ถนัดอะนะ


ที่สำคัน อย่าลืมทำแก้มป่องๆโด้ยยย
อีกอย่างนึงงง
ต้องขมวดคิ้วให้มาชนกานด้วยน้า
ทัมหน้าหั้ยเหมือนกะสงสัยตลอดเวลา
จาด้ายดูเป็นเด็กมีปันหา น่ารักอ่อก

เวลาพูดอะน้า
ก้อต้องทัมเสียงหั้ยมันเล็กๆโด้ย
และก้อต้องพูดม่ายชัดด้วยน้า
ถ้าคนไหนดัดฟันยิ่งดีหยั่ยเรย

ม่ายรุว่าเท่เราอธิบายมาเพิ่นๆจาเข้าจัยมั้ยอะ
ม่ายเปนรายยย
เรามีตัวอย่างมาหั้ยดูโด้ย
เหนม้า เราจัยเดขนาดหนายย


จากรูปน้าเหนมะ เค้าทำตามแบบเท่เราบอกทุกอย่างเรยยย

แต่คนต่อปายนี้เน่เด็ดสุดเรยแหละ เราจาบอกห้ายยย

พร้อมจาดูกันอ๊ะยางงงง

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.





แบ๊วเนอะ
อิอิ




Saturday, July 28, 2007

POLYGAMY FANTASIA!! ปฏิบัติการล่าผัว

กำลังฮอตเป็นประเด็น talk of the town กันเลยทีเดียวในขณะนี้
กับรายการ Academy Fantasia#4
(โดยเฉพาะวันนี้ที่น้องแจ๊ค ผู้ฆ่ายักษ์ ต้องออกไปแบบค้านสายตาผู้ชม)


แต่ความร้อนแรงของรายการนี้กำลังจะถูกแดกซีนด้วยรายการใหม่ถอดด้าม
รายการที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ว่าเหมาะสมแก่เมืองไทยเมืองตุ๊ด เอ้ย เมืองพุทธ หรือไม่

รายการ reality น้องใหม่รายการนี้
เป็นการรวบรวมเอาหญิงสาวผู้มีความฝัน
ที่จะมีผัว หล่อ รวย เพอเฟคต์ เอาไว้เลี้ยงพวกเธอในบั้นปลายของชีวิต
โดยผู้ชมจะได้รับชมอิริยาบถ รวมทั้งมารยาหญิงสี่พันห้าร้อยสามสิบสองเล่มเกวียนของเธอเหล่านั้น
และจะมีส่วนร่วมในการส่งคะแนนโหวตให้พวกหล่อน
และในทุกๆวันเสาร์ จะมีการมาพรีเซ้นผัวใหม่ในแต่ละสัปดาห์ที่พวกเธอหามาได้
ผู้ที่มีคะแนนน้อยที่สุดจะต้องออกจากการแข่งขันไป
และโดนจับไปทำหมันถาวร เนื่องจาก แค่ผัวดีๆ ยังไม่มีปัญญาหามาได้ ก็ไม่สมควรจะเป็นแม่พันธุ์อีกต่อไป

รางวัลที่ผู้ชนะจะได้รับ นอกจากผัวทุกคนที่เธอหามาได้ในแต่ละอาทิตย์แล้ว
ยังมี มงกุฏดอกทอง หนัก 999 บาท
คอสรีแพร์หี จากยันฮี
และหนังสือคู่มือ ร่านอย่างไรไม่ให้ท้อง จากสำนักพิมพ์แม่และลูก
ผู้เข้าแข่งขันในซีซั่นแรกของเราได้รับการคัดเลือกมาจาก
หญิงสาวผู้มีความมั่นใจ และแก่นแก้วเกินวัย กว่า สามพันสิบสิงสองล้านคน ทั่วทุกมุมโลก
จนได้ออกมาเป็น ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 6 คนดังต่อไปนี้

V 1 นางสาวเปมิกา ขี่ม้านิลมังกร

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้
สาวจากคณะจิตวิทยา จุฬา ผู้นี้ มีดีกรีเป็นถึงรุ่นพี่ลีดจุฬา 63 (เกี่ยวมั้ย)
อดีตเมียเก็บหมอเผ่า ตอนเมาเอฟริดีน



เปกล่าว - หนูสวยขึ้นมั้ยคะ อิอิ

V 2 แนน อมิตดา มีผัวมาเกินโหล

(พอดีเมื่อคืนแดกลูกนิมิตไปอ่ะค่ะ เหมือนท้องเลยเนอะ)

หลังจากที่ชีมีผัวมาเยอะแยะมากมายเหลือเกิน
แต่ก็ยังไม่เจอใครที่จริงจังจริงใจและไข่ใหญ่ถูกใจเธอซักคน
เราจึงเลือกเธอมาเป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันของเราด้วยคน

V 3 พะแพง แกงจืดเต้าหู้
หนึ่งในนักล่าฝันของบ้านอคาเดมี่
ด้วยความที่ทางผู้จัดของเราเห็นแววของเธอจากในบ้านแมกโนเลีย
ที่นอกจากจะเข้ามาปฏิบัติการล่าฝันแล้ว ยังพยายามปฏิบัติการอ่อยตี๋ วี 12 อยู่ตลอดเวลา
จนเกือบจะมีเรื่องกับสาวลูกโป่ง จนเป็นที่ฮือฮาไปแล้ว
อีกเหตุผลหนึ่งคือ จะได้ฐานเสียงจากแฟนคลับเก่ามาช่วยโวตด้วย
รายการจะได้รวยขึ้น

(พี่แวว จ๊กม๊ก คือพี่สาวของหนูที่พลัดพรากกันมาแต่เด็กค่ะ)

V 4 กลีบผกา น่ารัก คึกคักเวลาลงเล่น

ตัวร้าย จากละครฮิต
ที่ดังระเบิดระเบ้อทำคนติดหน้าจอกันค่อนเมือง แรมพิศวาส
มาดูกันว่า รากราคะของเธอ กับ เอฟริดีนของสาวเปอันไหนจะได้ผลดีกว่ากัน
V 5 ชะนีนิรนาม ชามเขียวคว่ำเช้า ชามขาวคว่ำค่ำ
ชะนีนิรนามที่โทรมาหากูเมื่อคราวที่แล้ว
(กูว่าอีนี่เป็นตัวเต็ง)
(จากจิตนาการของกู กูว่าหน้าตามันคงอารมณ์ประมาณนี้แหละ)
V 6 หลินฮุ่ย ตะลุยจักรวาล
แพนด้าจากเมืองจีนผู้อาภัพ ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมากับเสื่อผืนหมอนใบ
เธอกล่าวผ่านล่ามผู้เชี่ยวชาญภาษาแพนด้า ด้วยน้ำตานองหน้าขณะมาออดิชั่น
ถึงความอาภัพในตัวเธอ
ที่โดนจับคลุมถุงชน แต่งงานกะช่วงช่วง แพนด้าตุ๊ด
ทำให้เธอรู้สึกกำหนัดมากจนต้องช่วยตัวเองด้วยกิ่งไผ่ อยู่บ่อยๆ
(ถึงแม้จะเป็นแพนด้า แต่หนูก็มีความต้องการนะคะ)
ทั้งหมดนี้คือนักล่าผัวทั้ง 6 V
อย่าลืมว่า อนาคตของพวกเธอขึ้นอยู่ในมือของพวกคุณ
รักใครชอบใครกรุณา กด V เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขที่ชื่นชอบ
ตามด้วยชื่อพ่อ ชื่อแม่ ชื่อผัว(ถ้ามี) ของคุณ
แล้วกดส่งมาที่
0870543096
(เบอร์อีชะนีนิรนามนั่น)
ขอให้มีความสุขกับการชมรายการของเรา
POLYGAMY FANTASIA!! ปฏิบัติการล่าผัว


Monday, July 16, 2007

ชะนีสมัยนี้มันร้ายกว่ายุงอีกนะคะคุณ

เย็นย่ำของวันฝนพรำ
ขณะข้าพเจ้านั่งดื่มด่ำกับสุนทรียศาสตร์ทางดนตรีจากเครื่องเล่นเอมพี 3 ในมือถือ lenovo ของข้าพเจ้า
ฉับพลันทันใดนั้น เจ้าโทรศัพท์เคลื่อนที่มันก็สั่นขึ้น
พร้อมกับเสียงเพลง Full of Happiness ท่อนที่ทงเฮร้อง ซึ่งข้าพเจ้าตั้งเป็นเสียงเรียกเข้าเอาไว้




---0870543096---






หมายเลขโทรศัพท์แปลกตาปรากฏขึ้นบนหน้าจอ




ไม่รอช้า
ข้าพเจ้ารีบรับโทรศัพท์



(ตัวอย่างบทสนทนา ที่ตัดตอนมาจากบทสนทนาเต็มที่กินเวลาถึง6.42นาที)


ตั้ม : ฮัลโหล สวัสดีครับ (ข้าพเจ้ามักรับโทรศัพท์ด้วยคำพูดนี้ กับเบอร์โทรศัพท์แปลกหน้า)
ชะนีลึกลับ : สวัสดีค่ะ
ตั้ม : ครับ?
ชะนีลึกลับ : เอ่อม ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนคะ?
ตั้ม : อยู่บนรถ
ชะนีลึกลับ : (หัวเราะคิกคัก) ค่ะ อยู่บนรถแล้วอยู่แถวไหนล่ะคะ?
ตั้ม : ไม่ทราบว่านี่ใครครับ?
ชะนีลึกลับ : ตอนนี้อยู่ไหนคะ หนูอยู่ลิโด้

..



(อีดอกนี่ นอกจากจะแรดแล้วยังฟังภาษาไทยไม่แตกฉานอีก)



..

ตั้ม : จะโทรหาใครครับเนี่ย ?
ชะนีลึกลับ : อ่อ จะโทรหาคนชื่อทีม ค่ะ
ตั้ม : คือ นี่ไม่ใช่ทีมนะครับ
ชะนีลึกลับ : อ่อ หรอคะ แล้วพี่ชื่ออะไรละคะ?
ตั้ม : เอ๊า! จะรู้ไปทำไมหล่ะครับ

..



(อีดอก มามุขนี้ใช่มั้ย ได้กูจัดให้)



..

ชะนีลึกลับ : แหม ก็อยากรู้อะคะ ชื่ออะไรคะ บอกมาเถอะ
ตั้ม : ชื่อตั้มครับ
ชะนีลึกลับ : ตั้มหรอคะ อายุเท่าไหร่คะเนี่ย
ตั้ม : 20 ครับ
ชะนีลึกลับ : ว้าว 20 แล้ว บวชรึยังคะเนี่ย
..



(อีดอก กวนตีนนักนะมึง)



..

ตั้ม : (หัวเราะ หึหึ) ยังครับ
ชะนีลึกลับ : แล้วพี่รู้มั้ยคะ ว่าหนูอายุเท่าไหร่
..



(สัด มึงไม่ได้ออกมาจากรูเดียวกะกูหนิ กูจะไปรู้ได้ไง)



..

ตั้ม : ไม่รู้ดิคับ
ชะนีลึกลับ : (หัวเราะคิกคัก) 18 ค่ะ

..



(แรดแต่เด็กนะมึง)



..

ตั้ม : อ่อครับ
ชะนีลึกลับ : บ้านพี่อยู่แถวไหนคะเนี่ย
ตั้ม : ปิ่นเกล้าคับ
ชะนีลึกลับ : อุ๊ย ทำไมอยู่แถวเดียวกันเลยละคะ

..



(อีตอแหล)



..

ชะนีลึกลับ : อยู่จังหวัดไรคะเนี่ย
..



(โถ่ อีโง่)



..

ตั้ม : กรุงเทพดิครับ
ชะนีลึกลับ : อ่อ กรุงเต๊บ ตำบลไหนคะเนี่ย

..



(อีบ้านนอก ในกรุงเทพเค้าเรียกแขวงเว้ย)



..

ตั้ม : พอเถอะครับ ขี้เกียจคุยละ

..



(คือกูเหนื่อยจะแอ๊บแมนละ)



..





จากเหตุการณ์ที่ประสบพบเจอในวันนี้นั้น
เป็นดัชนีชี้วัดถึงมาตรฐานทางสังคม ของหญิงสาววัยรุ่นไทยในปัจจุบัน
การเข้ามาของกระแสวัฒนธรรมตะวันตก ทำให้หญิงสาวสมัยนี้ ใจกล้า หน้าด้าน ร่านผู้ชาย ขายควายช่วยแม่ มากขึ้น
ซึ่งขัดอย่างยิ่งกับวัฒนธรรมไทยอันดีงามของเรา
เราจะทำอย่างไร ให้หญิงไทย กลับมาอยู่ในลู่ในกรอบของจารีตประเพณีได้
ปัญหานี้เป็นปัญหาที่ใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนเลย

แต่เหตุใด คนไทยทุกคนกลับนิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายไว้ขายช่วยแม่
มาเถอะครับ

เรามาร่วมมือร่วมแรงกัน คืนชะนีสู่ป่า
สองมือเล็กๆของเรา จะสร้างพลังอันยิ่งใหญ่ได้ เพียงแค่เราร่วมมือกัน



-อาเมน-





ปิดท้ายด้วยภาพประกอบ : ชะนีไทยสมัยใหม่ ส่องไข่ผู้ชาย ร้ายนักนะมึง










Friday, July 6, 2007

เที่ยวดีดวด ตำรวจไม่จับ

สวัสดี

วันนี้กูมาอัพบล๊อกตามเสียงเรียกร้องของเพื่อนสาวดาวเอกเยอทั้งหลาย
ถึงเรื่องของวีรกรรมชาวเรา สาวสังคมชั้นสูง ลูกกระฎุมพี หรือ Bourgeoisie ที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกกัน

เมื่อกล่าวถึงสาวสังคมชั้นสูงแล้ว
สิ่งที่จะขาดไปไม่ได้เลย นอกจากการ shopping เอาเงินมาใช้จ่ายกันปลวกกินตามห้างสรรพสินค้าชั้นสูง เช่น
platinum สะพานพุทธ และหน้าสยามตอน 3 ทุ่ม แล้วนั้น
นั่นก็คือ การปาร์ตี้ชุดนอน แบบสาววัยใสไร้ยางอาย

และเช่นเดียวกัน
สถานที่ที่กลุ่มสาวสังคมชั้นสูงอย่างเราเลือกที่จะไปจัดปาร์ตี้กัน
ต้องเป็นที่ๆเลือกสรรมาเป็นอย่างดีแล้ว ว่าเป็นสถานที่หรูหรา โอ่อ่า ล่อตาขโมย
และที่ๆนั้นก็คือ

"วัดดีดวด"

แหล่งพำนักพักพิงถิ่นนักเลวสาวซ่า นาม "ขวัญ ดาวบ้านเปรี้ยว"



(ชื่อภาพ : ผู้หญิงคนนี้บ้านอยู่ดีดวด)



บ้านของอีขวัญนั้นไม่ใช่ธรรมดา
ขนาดของบ้านนั้นใหญ่เทียบเท่าหอประชุมจุฬาเลยทีเดียว
"บ้านพี่ขวัญใหญ่จังเลยนะครับ" (น้องเอก ถาปัด :2550)
(มีวันนึงทำเอากูถึงกับผงะ เมื่อเจอ สห. 2 คนยืนคุมประตูบ้านมันอยู่)

และตามธรรมเนียมของการมาปาร์ตี้ที่ดีดวด




เราจะมีการจัดให้โหวตผู้ที่จะได้รับรางวัล



"ลำยองอวอร์ด"




เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ผู้ที่เมาได้เริ่ดที่สุด ซึ่งครั้งนี้ก็ถือเป็น season ที่3 แล้วของรางวัลนี้ เรียกได้ว่าแรงและฮอตไม่แพ้ Academy Fantasia เลยทีเดียว


หลังจากครั้งแรก นางสาวปอแก้วแห้วกระป๋องครองแครงกรอบ และครั้งที่ 2 น้องตุ่นวุ้นมะพร้าวคาวโลกีย์ รับรางวัลไปแล้ว

ครั้งนี้ผู้ที่ได้รางวัลนั้นได้รับคะแนนโหวตอย่างท่วมท้นมาก

And the award goes to .....


(ชื่อภาพ : แดจังกึมหั่นหมูบูโกกิ)




รัก หรือ ง๊ะห์


สาวโคราช หน้าละม้ายคล้ายหนูหิ่น ณ โนนหินแห่




จากสาวเรียบร้อยอยู่ในโอวาทของคุณแม่ ตั้งใจเรียนหนังสือสมเป็นนิสิตอักษรศาสตร์ที่ดี เป็นแม่บ้านแม่เรือน

แต่เมื่อฤทธิ์สุราเข้าไปทำงานในกระแสเลือดของเธอ วิญญาณสาวเท้าไฟ เต้นไวเหมือนปลาไหลสิงใจเธอสับเปลี่ยนเร็วนัก ในตัวของเธอก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง


(ชื่อภาพ : ถึงกูจะเอารูปนี้มาลง แต่กูก็รักมึงนะง๊ะห์)



หลังจากเต้นกันได้ที่แล้ว กิจกรรมต่อไปคือนั่งเล่นเกมกันเรื่อยๆ แม้สภาพบางคนจะไม่อำนวยแล้วก็ตาม


(ชื่อภาพ : ยืนยันคำเดิมว่ากูรักมึงนะ)

จากนั้นก็แยกย้ายกันเข้านอนตามมุมต่างๆของบ้านตามอัธยาศัย

ปล . หากท่านใดอ่านบทความนี้แล้วอยากจะมาร่วมปาร์ตี้ด้วยกรุณาทำตามนี้

1. ต้องสวย

2. มีสกุล

3. หากใครติดเอมเอสเอน กรุณานำโน๊ตบุ๊คของตัวเองมา เพราะที่นี่มีคอมพิวเตอร์ให้บริการไม่เพียงพอ (แต่บ้านอีขวัญไม่มีไวร์เลสนะ)






Monday, June 25, 2007

ใครบอกว่าเด็กอักษร ...


กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้อง
คิดถึงข้าพเจ้ากันบ้างรึป่าว
ที่หายไปนานหลายคนอาจสงสัยว่าเปิดเทอมแล้ว ข้าพเจ้าคงตั้งใจเรียน
จนไม่มีเวลามานั่งอัพบล๊อกช๊อคโลกโขลกน้ำพริก ไร้สาระแบบนี้


คุณคิดผิดค่ะ



ข้าพเจ้าก็ยังคงดำเนินชีวิตอยู่หน้าคอม
โดยมิได้ยี่หร่ะต่อกองทัพการบ้านร้านขายของชำจำนำสร้อยเพชรเลยแม้แต่น้อย
หากแต่เหตุผลที่แท้จริงก็คือ ข้าพเจ้าขาด อินสไปเรชึ่น อย่างรุนแรง

แต่วันนี้ เนื่องจากทนการเรียกร้องของผองแฟนคลับมิตรรักนักอ่านถ่านไฟเก่าไม่ไหว
เลยเสียสละเวลาทำการบ้านวิชา intermediate translation E-T มานั่งอัพให้ท่านๆได้ยลกันสักนิด




เอาหร่ะ (กรุณาอ่านคำนี้ในสำเนียงของพี่ป๋อมแป๋ม)
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า


การเป็นนิสิตอักษรศาสตร์จุฬานั้น
ย่อมเป็นที่คาดหวังจากบุคคลภายนอกต่างๆนานา มากมาย
เนื่องจากการที่จะเข้ามาศึกษาที่นี่ได้นั้น
ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก

จนมีคำกล่าวว่า
"หากรถบัสที่พาเหล่าArtsmen ไป Artsmen Trip คว่ำขึ้นมานั้น
เราจะสูญเสียบุคคลากรกะเทยหัวกะทิของประเทศไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว"

แต่กระนั้นแล้ว

นิสิตอักษรศาสตร์บางคน ก็มิได้เป็นไปตามที่หลายๆคนคาดหวัง ดังเช่น

1. นิสิตอักษรศาสตร์ เปรียบเสมือน talking dick เอ้ย dict

"นี่ๆ เธอเรียนอักษรใช่มะ ช่วยดูให้หน่อยสิ ภาษาอังกฤษคำนี้แปลว่าอะไรอะ"
"แกๆ ถ้าชั้นจะบอกผัวฝรั่งชั้นว่า คืนนี้ไปปี้กันมั้ย ไม่คิดตัง ชั้นจะพูดว่าไรดีอะ"

จริงอยู่ค่ะ
ที่การเป็นนิสิตอักษรต้องเก่งภาษาต่างประเทศ
แต่โปรดจำใส่กระโปก ไว้ด้วยว่า เด็กอักษรทุกคนไม่ได้เรียนเอกอังกฤษนะคะ
บางคน (เช่นกู) เรียนอังกฤษทีไรก็เก็บ C มาฝากแม่อยู่ร่ำไป
เพราะฉะนั้น อย่ามาถามอะไรกูอีกนะคะ กูโง่


2. นิสิตอักษรศาสตร์ วันๆไม่ทำอะไร หลังสู้เพดาน หน้าสู้ตัวหนังสือ

จริงค่ะ ที่เรียนอักษรนั้น มีหนังสือมากมายให้อ่าน
แต่เด็กอักษรบางคน ก็เลือกที่จะวางหนังสือเหล่านั้นไว้เป็นที่ทำรังของแมงมุม และสัตว์จำพวกปลวก
แล้วเลือกที่จะมานั่งเขียนบล๊อก เช่น ข้าพเจ้าเป็นต้น
ถ้าไม่สอบ หนังสือเหล่านั้นคงปราศจากรอยนิ้วมือของข้าพเจ้าเป็นแน่แท้



3. นิสิตอักษรศาสตร์ เป็นเด็กเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ในกรงทอง
ในหัวข้อนี้ ข้าพเจ้าไม่ขออภิปรายเป็นตัวอักษร
แต่ภาพนิสิตอักษรศาสตร์ตัวอย่างเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันคำพูดนี้ได้ดีเลยเชียวค่ะ


ชื่อภาพ : นิสิตอักษรศาสคร์ตัวอย่างชั้นปีที่ 1



ชื่อภาพ : นิสิตอักษรศาสคร์ตัวอย่างชั้นปีที่ 2


ชื่อภาพ : นิสิตอักษรศาสตร์ตัวอย่างชั้นปีที่ 3

ชื่อภาพ : นิสิตอักษรศาสตร์ตัวอย่างชั้นปีที่ 4





คิดจะจบก็จบ

จึงไม่ต้องสงสัยว่าทำไมคะแนน paragraph writing ของชั้นไม่เคยได้เกิน 16